เจ็งกิสข่าน เนื้อแกะย่างชื่อมองโกลแต่สูตรฮอกไกโดแท้ๆ Genghis Khan Daikokuya Honten Asahikawa

※ENGLISH in the 2nd page※


ตามสัญญาว่าจะไล่รีวิวร้านอาหารในฮอกไกโด ขอเริ่มด้วยร้านสุดโปรดที่ไปกินบ่อยไม่ได้เพระจองยากคิวยาวมากกกกกกกก คือร้านเนื้อย่างเจ็งกิสข่านที่ขายแต่เนื้อแกะนุ่มๆ ไร้กลิ่นสาบ Daikokuya Honten ร้านดังประจำเมือง Asahikawa

ลืมถ่ายภาพด้านหน้าร้านมา ขออนุญาติใช้ภาพ Google Street View

ตัวร้านขนาดไม่ใหญ่นัก ตั้งอยู่ในถนนที่เต็มไปด้วยร้านกินดื่มยามค่ำคืนมากมาย มีที่จอดรถ(เสียเงิน) อยู่รอบบริเวณ แต่ใครไปด้วยรถสาธารณะก็เดินจากหน้าสถานีรถไฟ Asahikawa เพียง 750 เมตรเท่านั้น


ลิงค์แผนที่ https://goo.gl/maps/fMUGJBTqxdF2

บรรยากาศร้านจัดว่าค่อนข้างคับแคบตามมาตรฐานร้านญี่ปุ่นทั่วไป แต่จัดเป็นสัดส่วนดี มีตู้ล็อกเกอร์ให้แขวนเสื้อโค้ทและช่วยลดกลิ่นควันติดเสื้อไปได้เยอะ ตอนออกจากร้านมีสเปรย์ดับกลิ่นให้ฉีดบนเสื้อด้วย ใส่ใจกันทุกรายละเอียดโดยแท้

ข้อพิเศษของร้านเจ็งกิสข่านที่เราว่าดีกว่าร้านเนื้อย่างคือมักมีโต๊ะเคาเตอร์!!!
ไปกินคนเดียวร้านก็ต้อนรับดีเพราะไม่เบียดเบียนที่ ถ้าเป็นเนื้อย่างมักจะเป็นโต๊ะและร้านขายดีไม่ค่อยอยากรับลูกค้าคนเดียวเพราะถือว่าเขาต้องเสียโต๊ะไปเลยหนึ่งตัว แต่เจ็งกิสข่านพอเราบอกว่าไปคนเดียวจะได้นั่งเคาเตอร์พร้อมเตาย่างประจำตัวหนึ่งเตา กับถาดวางเครื่องปรุงประกอบด้วย ซอสสูตรพิเศษของร้าน เกลือ เครื่องเทศสูตรของร้าน กระเทียม และพริก โรยกันตามชอบใจ

เตาหน้าตาแบบนี้ ด้านล่างเป็นถ่าน ไม่ใช่บาร์บีคิวพลาซ่าหรือหมูกระทะนะ

เมนูมีเครื่องดื่ม เครื่องเคียง ข้าว และเนื้อสัตว์ซึ่งมีแต่เนื้อแกะล้วนๆ มีหลายส่วนหลายสูตร หั่นบาง หั่นหนา ติดกระดูก ติดมัน เนื้อสด เนื้อหมักสมุนไพร ฯลฯ ใครไม่สันทัดเนื้อแกะปิดบล็อกนี้ทิ้งรออ่านเอ็นทรี่ต่อไปโลด แต่ถ้ายังมีความสนใจอยู่บ้างก็ขอยืนยันว่าไม่เหมือนเนื้อแกะที่เคยกินมาทั้งชีวิต ไม่มีกลิ่นสาบกลิ่นคาวแถมนุ่มอีกต่างหาก พ่อคะแม่คะ นี่มันอะไรกัน มันไม่ใช่แกะที่ชั้นรู้จัก!!! ไม่เหมือนเนื้อวัวและไม่ใช่เนื้อหมู

เนื้อแกะหมักสมุนไพร เนื้อนุ่ม รสจัดจ้าน หอมกลิ่นโรสแมรี่

พอเราสั่งเครื่องดื่ม เนื้อ ข้าว เสร็จเขาจะเสิร์ฟมันสำหรับทากระทะและผักมาให้ ความพิเศษและอร่อยมากของร้านนี้คือผักนี่แหละ ผักอร่อยมาก นี่ของฟรีเหรอ อมก. เติมได้เรื่อยๆ ด้วยนะ… แถมไม่มีอะไรอย่างถั่วงอกไม่เด็ดหัวมาให้รำคาญใจ มีหัวหอม แครอท ฟักทอง กะหล่ำปลี เนกิ(ต้นหอมญี่ปุ่น) ล้างหั่นมาอย่างดี รสหวานจัดทุกอย่าง เอาวางใส่ในร่องข้างๆ แบบที่บาร์บีคิวพลาซ่าใส่น้ำซุปกัน) แล้วย่างด้วยน้ำและน้ำมันจากเนื้อด้านบน

ภาพตอนย่าง

หลังอิ่มของคาวแล้วสามารถปิดท้ายด้วยของหวาน ซึ่งมีทั้งพุดดิ้งและไอศครีมของโฮมเมดของร้านที่อร่อยไม่แพ้ของคาวเลย

ร้านเปิดตั้งแต่ 17.00 น. แต่คนจะเริ่มเยอะหลังหกโมงเย็นไปแล้ว
ใครจะไปขอแนะนำให้ไปก่อนหกโมงเย็นวันธรรมดาค่ะ แต่ถ้าเป็นกลุ่มอยากได้โต๊ะชัวร์จองก่อนดีกว่าจ้า

ราคาไม่ต้องกังวล เรากินคนเดียว ล่อทั้งเครื่องดื่ม(แอลกอร์ฮอลล์) และของหวาน อยู่ที่ 3,000 เยนกับอีกนิดนึง อิ่มจนแทบเดินไม่ไหว สั่งเยอะเพราะอยากลองหลายเมนู ถ้าเอาพอดีอิ่มและไม่ดื่ม 2,000 เยนก็ยังอยู่ แต่ขอยืนยันว่าพอกินไปแล้วอร่อยจนหยุดไม่ได้ อิ่มแล้วแต่ยังอยากกินอยู่แล้วก็สั่งเพิ่มไปเรื่อยๆ พอเริ่มเลี่ยนนิดๆ ขอเพิ่มผักมาย่างต่อตัดเลียน เพลินๆ ไม่รู้ตัว มารู้ว่ากินเยอะไปก็ตอนออกจากร้านไปแล้วนี่แหละ

รายละเอียดเพิ่มเติม
official website ของร้าน http://www.daikoku-jgs.com/index.html
Tabelog https://tabelog.com/hokkaido/A0104/A010401/1027848/

ล่าหมีฮอกไกโด – อาซาฮิดาเคะ –

ช่วงนี้ฮอกไกโดมาแรง ใครๆ ก็เที่ยวฮอกไกโด ยิ่งแอร์เอเชียมีบินตรง โอ้โห ซัปโปโร กับอาซาฮิคาวะ นี่เดินอิออนหรือเซ็นทรัลเวิร์ลด์ ที่เที่ยวดังคนรู้จักกันหมดไม่ว่าจะโนโบริเบ็ทสึอนเซ็น โอตารุ หอนาฬิกาซัปโปโร สวนสัตว์อาซาฮิยามะ ลานสกีคิโรโระ สวนลาเวนเดอร์ฟุราโน่

เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดถึงพวกนั้น เราไป ล่าหมี เที่ยวชมธรรมชาติมหัศจรรย์ของฮอกไกโดกันดีกว่า

ออกตัวก่อนว่าเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมากกว่าภูเขา คิดเสมอว่าภูเขามองจากไกลๆ ก็สวยแล้ว ไม่รู้จะไปทำไม แต่อาซาฮิดาเดะสวยจนเราต้องติดใจไปซ้ำถึงสามรอบ และทั้งสามรอบอาซาฮิดาเคะก็เผยด้านที่แตกต่างกันให้เห็นด้วย

snow1

วิธีไปด้วยรถสาธารณะ มีรถเมล์สายเดียวเท่านั้นคือสาย 66 (ศูนย์ราชการ-ประชาชื่น-สายใต้ใหม่) วิ่งจากสถานี Asahikawa ผ่าน Higashi-Kagura เข้าสนามบิน Asahikawa แล้วผ่านเมือง Higashikawa ขึ้นไปบนภูเขา

โดยรถเมล์สายนี้มีเพียงวันละ 4 เที่ยวเท่านั้น!! แถมราคาก็แพงแสนแพง นั่งจากสนามบิน Asahikawa พันเยน ถ้านั่งจากสถานี Asahikawa ทะลุไปถึง 1,430 เยน

<<คลิกเพื่อดูตารางเวลารถ>>

นั่งรถสาย 66 ไปลงสุดสายที่ Asahidake Ropeway แล้วต่อ Ropeway อีก ซึ่งราคา Ropeway แต่ละฤดูจะไม่เท่ากัน ช่วง ธันวา-พฤษภา อยู่ที่ 1,900 เยน และช่วง มิถุนา-กันยา อยู่ที่ 2,900 เยน ไปกลับ

ข้อควรระวัง

  • บนเขานอกจากสถานีของกระเช้าแล้วไม่มีห้องน้ำหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ
  • ห้ามทิ้งขยะใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะบนพื้นหรือลงถังขยะ ถังขยะสำหรับทิ้งของที่ซื้อบนเขาเท่านั้น ของที่นำขึ้นไปจากด้านล่างห้ามทิ้ง ต้องพกติดตัวกลับลงมา
  • อากาศหนาวเย็นและเปลี่ยนแปลงไว ควรเตรียมอุปกรณ์กันฝนกันหนาวให้พร้อม
  • หากเจ้าหน้าที่เห็นว่าอากาศ โดยเฉพาะลมแรงถึงขีดอันตรายจะปิดกระเช้าไม่ให้ขึ้น
  • ห้ามบินโดรน

snow2

ครั้งแรกสุด เราไปตอนปลายเดือนมีนาคม หิมะไม่ตกแล้ว แต่ยังไม่ละลาย เล่นสกีได้ แต่เดินบนหิมะค่อนข้างลำบาก กว่าจะถึงจุดชมวิวที่ 1 ก็เหนื่อยมากแล้ว เลยได้แค่ถ่ายรูปรอบๆ จุดนี้เฉยๆ จริงๆ เขามีบริการ Snow Shoes สำหรับเดินบนหิมะ ไปพร้อมไกด์ และเดินไปได้ถึงอีกไกล แต่สำหรับใครไปเองแค่จุดชมวิวที่ 1 ยังค่อนข้างอันตราย เดินขึ้นเนินลื่นทีอาจจะไหลกลับลงไปถึงสถานีตรงทางขึ้นได้เลย

ช่วงเดือนมีนาเหมาะกับคนอยากสัมผัสหิมะ ภูเขาหิมะ แต่ไม่อยากเจออากาศหนาวจัด เพราะอุณหภูมิไม่ต่ำมาก ตอนที่ไปอยู่ประมาณ 0 องศาเท่านั้น สามารถพกเลื่อนพลาสติกขึ้นไปไถลเล่น หรือปั้นตุ๊กตาหิมะถ่ายรูปเล่นได้ ใครอยากลองเล่นอะไรแปลกๆ แหวกว่ายในกองหิมะก็ยังสามารถทำได้อยู่ แต่อย่าไปเทน้ำหวานตักกินล่ะ… ระวังจะโดนเฮลิคอปเตอร์ลากตัวไป

DSC02925

DSC02904

ครั้งที่สองคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีปลายเดือนกันยา โดยเราเลือกไปแต่เช้าและเดินวนรอบทางเดินชมวิว (ไม่ไปถึงยอดเขา) แต่อนิจจัง เป็นวันที่อยู่ดีๆ หมอกปกคลุมจัด อยู่ดีๆ ฝนก็ตก อยู่ดีๆ ก็หนาว แล้วอยู่ดีๆ ฝนก็เปลี่ยนเป็นพายุลูกเห็บ และวันต่อมาก็ได้เห็นข่าวหิมะแรกตกที่ Asahidake

collage

หนาวมากกกก หนาวจนสั่น เพราะใส่แค่เสื้อยืดแขนยาวกับเสื้อคลุมกัน UV ตัวบางๆ ซื้อเสื้อกันฝนพลาสติกบางๆ ทับอีกตัว แต่เจอวิวสวยจนลืมหนาว

DSC02992

ตอนแรกก็เสียใจที่หมอกลงจนไม่เห็นอะไร แต่พอตัดสินใจเดินแล้วมีลมพัดหมอกหายไปเป็นระยะ ทิวทัศน์ที่จู่ๆ โลกสีขาวก็เปิดวูบออกเป็นทุ่งใบไม้เปลี่ยนสีมันสวยมาก สวยจนดีใจที่ได้เห็น แม้ไม่สามารถถ่ายรูปให้ออกมาสวยแบบนั้นได้ มองแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมคนที่นี่ถึงเรียกอาซาฮิดาเกะว่า คามุยมินตรา (สวนที่เที่ยวเล่นของเหล่าทวยเทพ) ภาพที่มองจากด้านบนออกไปเจอแนวเขาสุดลูกหูลูกตา มีเมฆหมอกลอยวนรอบตัวทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บนสวนสวรรค์จริงๆ (ไม่ได้เว่อสักนิด เพราะตอนยืนอยู่ข้างบนแล้วมองลงไปรู้สึกแบบนั้นจริงๆ)

DSC03303

ครั้งสุดท้ายห่างจากครั้งแรกไม่ถึงสองสัปดาห์ แต่คราวนี้ไม่ไปเช้า ไปตอนบ่ายแล้วกลับกระเช้าเที่ยวสุดท้าย ได้เห็นพระอาทิตย์ตกจากบนกระเช้าลงเขาพอดีๆ

DSC03308

เป็นหนึ่งในที่ที่เที่ยวได้ทุกฤดู สวยแตกต่างกันทุกครั้งที่ไป และเชื่อว่าไม่ว่าไปอีกกี่ครั้งก็ไม่มีวันได้เห็นภาพเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา

วิธีไปจาก Asahikawa ก็ไม่ยาก นั่งรถต่อเดียวถึง ขอแค่รักษาเวลาขึ้นรถให้ทันก็พอ เดินเฉพาะรู้ทเดินเล่นครึ่งวันสบายๆ กลับไปกินข้าวช้อปปิ้งต่อที่ Asahikawa ได้ไม่มีปัญหา

ใครติดใจรูปถ่ายหรือมีใจอยากสนับสนุนค่าเที่ยวให้เจ้าของบล็อก หายไปนานตอนนี้มี ShutterStock กับเขาแล้วจ้า ขอเรียนเชิญไปชมและช้อปได้ที่ลิงค์นี้ https://www.shutterstock.com/g/JibChaCafe

ขอเปิดซีรีย์ฮอกไกโดด้วยหนึ่งในสถานที่ที่เราชอบมากที่สุด
ต่อไปเตรียมรอรับการฟลัดรีวิวร้านอาหารอร่อยฮอกไกโดกันได้เลย (พูดไปงั้นสุดท้ายเดี๋ยวก็ดองอีก)