กินเที่ยวดะไซฟุ จังหวัดฟุคุโอกะ

อัพแนะนำที่เที่ยวฮอกไกโดมาหลายรอบ
มาหาความอบอุ่นที่คิวชูกันบ้าง

คราวนี้เป็นที่ที่เราชอบ และไปมาหลายครั้งมาก สังเกตได้ว่าภาพถ่ายปนหลายฤดูและหลายปีมาก

คิดว่าหลายๆ คนน่าจะรู้จักชื่อ “ดะไซฟุ” เพราะเป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดฮิตที่คนเที่ยวคิวชูจะต้องแวะ
และคิดว่าเมื่อพูดถึงดะไซฟุ เกือบทุกคนน่าจะถึงถึงแค่ Dazaifu Tenmangu ที่เดียว
แต่จริงๆ แล้ว “ดะไซฟุ” ไม่ใช่ชื่อศาลเจ้านะคะ!! ศาลเจ้าเป็นแค่ส่วนหนึ่งของดะไซฟุเท่านั้น

“ดะไซฟุ” มีความสำคัญอย่างไร

ถ้าใครอ่านคันจิพอจะออก อาจจะสังเกตเห็นว่าชื่อเมืองมีคำว่า 府 ซึ่งหมายถึงการปกครอง รัฐบาล อยู่

นั่นเพราะว่า ดะไซฟุ คือหัวเมืองสำคัญของประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเฮอัน มีทางเชื่อมไปยังท่าเรือฮากาตะ ซึ่งเป็นเมืองท่าติดต่อการค้าและการปกครองกับต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งฮากาตะเองก็มีบันทึกว่าเป็น China Town ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย

ในยุคเฮอัน (ประมาณพันปีก่อน) ดะไซฟุเป็นเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่ง มีรัฐบาลที่ทางเฮอัน (เกียวโตปัจจุบัน) ส่งมาปกครอง หน้าที่ของดะไซฟุจะคล้ายกับกระทรวงการต่างประเทศในปัจจุบัน

แต่อาคารที่ใช้ว่าการทั้งหลายพังทลายไปหมดแล้ว เหลืออาคารเก่าเพียงวัดบางแห่ง และศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu เท่านั้น

ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu ตั้งขึ้นบนจุดที่วัวลากเกวียนของสุกาวาระ มิจิซาเนะลงไปนั่ง ขณะเดินทางมาจากเกียวโต

สุกาวาระ มิจิซาเนะเป็นขุนนางที่โด่งดังมากสมัยเกียวโต เป็นอัจฉริยะรอบด้าน แต่งกลอนไว้มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย ละมีผลงานด้านการปกครองด้วย นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงอีกอย่างคือตำนานคำสาปแช่งจักรพรรดิด้วยความแค้นที่โดนส่งมาดะไซฟุ (สมัยนั้นเดินทางด้วยเกวียนและเรือ ใช้เวลานานและเสี่ยงชีวิตด้วย)

หลังเสียชีวิต สุกาวาระ มิจิซาเนะถูกยกให้เป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษา ชื่อในฐานะเทพของเขาคือ “เทนจิน”

ศาลเจ้าที่บูชาเทนจินซามะจะมีชื่อลงท้ายว่า “เทมมังกู” และมีรูปปั้นวัวอยู่ในศาลเจ้า

เนื่องจากมีชื่อเสียงด้านการศึกษา จึงเป็นศาลเจ้ายอดฮิตสำหรับเด็กเตรียมสอบ ช่วงต้นปีที่มีสอบเข้าโรงเรียนและมหาวิทยาลัยคนจะล้นมาก เราเคยไปตอนเดือนมกราคมครั้งนึง แค่จะลูบหัวรูปปั้นวัวหน้าทางเข้าคิวยาวอย่างกับเข้าฮอลคอนเสิร์ตเลย

สำหรับผู้สนใจ ศาลเจ้าเทมมังกูมีอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่ศาลที่โด่งดังและมีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Dazaifu Tenmangu แห่งนี้ และ Kitano Tenmangu (เกียวโต)

และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน ดะไซฟุยังมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นไปอีก

มีใครเดาออกกันไหมว่าเพราะอะไร?

.

.

.

ชื่อรัชสมัยค่ะ

ดะไซฟุมีชื่อเสียงเรื่องดอกบ๊วย

และมีกวีท่านหนึ่งได้แต่งกลอนชมดอกบ๊วยเมื่อมาเยือนดะไซฟุไว้เมื่อ 1,300 ปีที่แล้ว โดยถูกบันทึกเอาไว้ในมันโยชู

จนเมื่อปี 2019 ญี่ปุ่นขึ้นรัชสมัยใหม่ ได้นำส่วนหนึ่งของกลอนดังกล่าวไปตั้งเป็นชื่อรัชสมัยของญี่ปุ่น คือรัชสมัย “Reiwa”

(ภาพจาก นสพ. Asahi)

ดะไซฟุอยู่ตรงไหน?

ปัจจุบันดะไซฟุตั้งอยู่ในจังหวัด Fukuoka บนเกาะคิวชู
ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองฟุคุโอกะประมาณ 30 นาที

โดยสามารถไปจากกลางเมืองได้ 2 วิธี
1. นั่งรถไฟ Nishitetsu จากสถานี Fukuoka (Tenjin) ไปสถานี Dazaifu โดยต้องต่อรถ 1 ครั้งที่สถานี
2. นั่งรถบัสจาก Bus Terminal หน้าสถานี Hakata หรือสนามบิน Fukuoka

ทั้ง 2 วิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน

รถไฟ
– ต้องเปลี่ยนขบวน 1 ครั้ง
– ไปกลับจากเทนจิน สามารถเที่ยวเทนจินก่อนหรือหลังไปดะไซฟุได้
– ราคาถูกกว่า
– บางครั้งจะเจอรถไฟแต่งสวยๆ เป็นสายท่องเที่ยว
– สถานีดะไซฟุสวย

รถบัส
– ต่อเดียวถึง หาง่าย ไม่งง
– วิ่งนอกเมือง ผ่านภูเขา ได้ชมวิวสวยๆ

ที่เที่ยว

★หลักๆ ที่ห้ามพลาดและคงไม่มีคนพลาดคือ Dazaifu Tenmangu

นอกจากศาลเจ้าเก่าแก่ที่สวยงามและมีรูปแบบการก่อสร้างแปลกตาแล้ว สวนของดะไซฟุก็สวยไม่แพ้กัน ไปตอนไหนก็สวย สามารถไปเที่ยวได้เกือบทั้งปี

กลางใบไม้ผลิมีซากุระ
ฤดูฝนมีไฮเดรนเยียร์

ฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี

ปลายฤดูหนาวมีบ๊วย

★พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติประจำคิวชู

ตั้งอยู่บนภูเขาด้านหลังศาลเจ้า เดินผ่านสวนบ๊วยของศาลเจ้าไปจะมีบันไดเลื่อนให้ขึ้นไปถึงปากทางเข้าพิพิธภัณฑ์ได้เลย

ในพิพิธภัณฑ์จะมีนิทรรศการประจำกับนิทรรศการหมุนเวียนให้ชม ดูเพลินๆ

★ศาลเจ้า Kamado Jinja อยู่ห่างจาก Tenmangu ไปประมาณ 2 กิโล สามารถเดินทะลุทางเดินลอดภูเขาหลัง Dazaifu Tenmangu ไปได้ หรือจะรอรถบัส หาจักรยานเช่าขี่ไปดูยังได้

ศาลเจ้านี้มีชื่อเสียงเรื่องผูกดวงค่ะ
มีเครื่องรางเกี่ยวกับการผูกดวง ความสัมพันธ์ต่างๆ มากมาย และเป็นที่จัดงานแต่งงานยอดฮิตด้วย

และถ้าไปช่วงใบไม้แดงจะได้เห็นใบไม้แดงสวยๆ แถมศาลเจ้ายังจัดไลท์อัพให้ดูทุกปีด้วย

แถมศาลเจ้านี้ยังมีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งคือชื่อศาลเจ้าคามาโดะ ไปเหมือนกับตัวเอกของเรื่อง Kimetsu no Yaiba (ดาบพิฆาตอสูร) จึงมีแฟนๆ จากทั่วประเทศแวะเวียนกันมาเยี่ยมชมกัน ตอนเราไปก็เจอเด็กๆ คอสเพลย์เป็นทันจิโร่กับเนสึโกะวิ่งกันให้ว่อนเลย

ขนมของกิน

รอบๆ ดะไซฟุมีร้านกาแฟ ร้านขนมเยอะมากกกกกกกกกกกก เยอะจนลองไม่หวาดไม่ไหว

ของดังสุดคือโมจิย่างค่ะ!

เป็นโมจิไส้ถั่วแดงกวนบดหยาบ แป้งบาง ปิ้งจนกรอบ
มีขายอยู่ทุกที่ทุกทาง ถ้าไม่เกลียดโมจิหรือเกลียดถั่ว มาถึงนี่ขอแนะนำให้ลอง

ร้านนี้เป็นร้านเซมเบ้ มีของแปลกอย่างหนึ่งคือเซมเบ้สด

มันคือเซ็มเบ้แหละ แต่เขาจะย่างไฟแรงหน่อย มันจะไม่แห้งกรอบ แต่กรอบนอกนุ่มใน มีหลายรสให้เลือก

อร่อยแปลกๆ ดี ถ้าไม่บอกว่าเป็นเซมเบ้บางทีอาจจะนึกว่าเป็นเนื้อสัตว์ด้วยซ้ำ

Google Map Link:https://g.page/fukutarodazaifu?share

ร้านในแผนที่ด้านบนคือ Fukutarou ซึ่งเป็นร้านเมนไทโกะชื่อดังสาขาดะไซฟุ
สาขานี้พิเศษตรงที่ไม่ได้ขายแต่ของฝาก แต่มีคาเฟ่ที่ขายขนมรสชาเขียวและข้าวปั้นย่างรสเมนไทโกะชิโสะด้วย!!!!เป็นอีกหนึ่งอย่างที่มาถึงที่นีไม่ควรพลาด (ขออภัยที่ไม่มีรูป)

นอกจากขนมที่เราได้ยกตัวอย่างไว้ด้านบน ละแวกรอบๆ ดะไซฟุยังมีร้านกาแฟและคาเฟ่อีกเยอะแยะมากมาย
สารพัดร้านขนมทั้งพาเฟ่ต์ แพนเค้ก พุดดิ้ง น้ำแข็งไส ฯลฯ

ไปทีไรแวะไม่ซ้ำร้าน อร่อยทุกร้าน ถ่ายรูปบ้างไม่ถ่ายรูปบ้าง เอารูปพุดดิ้งไปแล้วกัน

รูปจากร้าน Coba Cafe ลังเลมากว่าจะแปะชื่อร้านดีไหม กลัวคนจะเยอะกว่านี้
ขอใส่ตัวเล็กๆ ไว้ตรงนี้ ใครอ่านบล็อกถึงตรงนี้และเอากไปเสิร์ชต่อจนเจอก็ถือว่าเจอร้านลับแนะนำโดย JibChaCafe นะคะ❤️

ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวดะไซฟุ
อย่าเห็นว่าไม่มีอะไรเลยแวะแค่ศาลเจ้า

ขอแนะนำให้เผื่อท้องและเผื่อเวลาไว้สักครึ่งวัน เดินเล่น หาของกินกันดูค่อยไปต่อที่อื่น

ศาลเจ้า ฟุชิมิ อินาริ ยามเมื่อใบไม้เปลี่ยนสี : เทียบภาพจาก Inari, kon kon, Koi Iroha

ทริปญี่ปุ่นติดไว้นานแสนนาน ไม่ได้อัพต่อสักที
เลือกไม่ได้ว่าจะโพสต์ที่ไหนก่อน (ข้ออ้าง)
แต่ตอนนี้เลือกได้แล้ว เอา Fushimi Inari Jinja เนี่ยแหละ กำลังอินเทรนด์เลย

resized-start

พอดี๊ พอดี ซีซันนี้มีเรื่อง Inari, Kon Kon, Koi Iroha ฉาย… ดูไปแล้วก็ปิ๊งไป เอ๊ะ ตรงนี้ไงที่เดินหลง อ๊ะ ตรงนั้นไงที่ถ่ายรูปมา ใช่แล้ว เมื่อปลายปีเราได้ไปศาลเจ้า ฟุชิมิ อินาริ ที่เกียวโตมาด้วย!! แถมด้วยความบ้าพลังของผู้ร่วมทริป เดินวนมันรอบเขาเลย ฉากที่โผล่ๆ มาในอนิเมเลยปิ๊งๆๆ มีคุ้นๆ เยอะจัง พอกลับมาไล่ดูรูปใหม่พบว่าใช่จริงๆ ด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ คงไม่ได้อัพครบทุกสถานที่ในทริปหรอก แต่ขอเอาฟุชิมิ อินาริ มาลัดคิวอัพก่อนอนิเมจะจบ

น่าแค้นใจที่ว่า ตอนเราไปแทบจะหลงทางบนภูเขาเพราะแผนที่มันไม่ค่อยดี แถมยังไม่มีคำอธิบายอะไรสักเท่าไหร่ ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ (จริงๆ แค่นี้ก็หอบแล้ว) แต่พออนิเมฉายปุ๊บ ดันมี Official Application ตัวนี้ออกมา http://inarikonkon.jp/news/app ซะได้ น่าเสียดาย เพราะคำอธิบายกับแผนที่เข้าใจง่ายมาก อย่างน้อยก็ง่ายกว่าที่เราเจอมา

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างดัง พบเห็นภาพถ่ายอยู่บ่อยๆ แต่น่าแปลก พอไปจริงๆ กลับไม่มีนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ยิ่งเดินขึ้นไปบนเขายิ่งมีน้อย มีแต่คุณลุงคุณป้าเดินเล่นกัน O___O’ พบคุณตาคุณยายอายุน่าจะทะลุ 70 ทั้งคู่ เดินกันคล่องปรื๋อขึ้นลงบันไดไปตามภูเขา พร้อมด้วยกล้องคอมแพ็คต่อขาสำหรับถ่ายรูปตัวเอง!!! อะเมซซิ่งแบบคัลเจอร์ ช็อกเล็กๆ น้อยๆ คนแก่เขาแข็งแรงมากจริงๆ ขนาดเราขึ้นยังเหนื่อยเลย

เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่จะว่าไปยากไหมก็ไม่ยาก แค่ไกลจนจัดรวมทริปกับวัดดังในเกียวโตอย่าง คินคะคุจิกับคิโยมิสุไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ และนี่อาจเป็นเหตุผลให้ทัวร์ไปลงไม่เยอะนัก และคงความเงียบสงบไว้ได้ แต่จริงๆ แล้วหากไปเที่ยวเอง เดินวนครบรอบ รวมเวลาเดินทางจากตัวเมืองเกียวโตแล้วใช้เวลาเพียงครึ่งวัน สามารถไปเที่ยวที่อื่นอย่างอุจิ นารา หรือจะกลับไปในเมือง เดินเล่นคิโยมิสุ-กิอง ก็ยังได้

สถานี Inari มี 2 แห่ง
ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับญี่ปุ่น และไม่ใช่ 2 ทางออก แต่เป็น 2 สถานีเลย
ที่มี 2 สถานีก็เพราะว่าเป็นรถไฟคนละสาย หรือคนละยี่ห้อนั่นเอง
ดูจากรูปด้านล่าง
ซ้ายบนเป็นรถไฟเคฮัง (วิ่งแถวคันไซ) สถานี Fushimi Inari
ส่วนด้านล่างเป็น JR Nara Line สถานี Inari
เลือกใช้บริการได้ตามความสะดวก จะเลือกจากใกล้ที่พัก-ที่เที่ยว หรือใครเปิดบัตร JR Pass ก็ใช้ JR ไปได้inari-map

เมื่อออกจากสถานีจะเป็นทางเดินเข้า เห็นโทริอิอันใหญ่แต่ไกล เดินเข้าไปเลย! GO GO!

เข้าไปถึงจะมีด้านหน้าสำหรับสักการะ บูชา ซื้อของฝาก ห้อยเอมะ(ป้ายอธิษฐาน) ของที่นี่เป็นรูปโทริอิกับหน้าจิ้งจอก แต่หน้าจิ้งจอกไม่ได้ถ่ายรูปมา

resized-DSC_2262resized-

ข้างหน้าว่ากันตามตรง ด้านหน้าไม่ได้สวยโดดเด่นสักเท่าไหร่หากเทียบกับวัดและศาลเจ้าเก่าแก่ในเกียวโตทั้งหลาย….แต่จุดที่เราจะเดินและถ่ายรูปกันอยู่ด้านหลังต่างหาก

จากจุดที่เขากราบไหว้เทพเจ้าและโยนเหรียญขอพร ลองมองหาป้าย ถ้าไม่มีไม่ต้องสนใจ เดินอ้อมไปด้านหลังจะเจอทางขึ้น จริงๆ มันขึ้นได้หลายทาง แต่มีทางหลักอยู่ มองปุ๊บ รู้ปั๊บ มีอินาริซามะเฝ้าอยู่ที่ซุ้มประตู

inari-front

ทางเดินด้านใน โดยส่วนใหญ่ เป็นบันได (((((( ;゚Д゚))))) มีโทริอิคร่อมทางเดิน
ปกติมีวิธีเดินชมที่นิยมอยู่ 3 แบบ จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยลงตามลำดับ…
1. เดินเข้าไปถึงทางที่โทริอิแยกเป็น 2 ฝั่ง เลือกขึ้นฝั่งหนึ่ง เดินไปจนสุดทางแล้ววกกลับลงมาอีกทางนึง ถ่ายรูปเล่น เป็นอันจบ
2. ไปถึง “จุดถอดใจ” ได้ยินมาว่าเป็นช่วงพัก ที่จะไปอ้อมวงกว้างสุด คนไปถึงตรงนี้เห็นแผนที่แล้วถอดใจกลับกันเยอะ รู้สึกจะแถวๆ บ่อน้ำใหญ่… แต่เราตั้งใจไว้ว่าจะไปให้ครบเลยไม่ได้สนใจจุดนี้เลย
3. วนจนครบ!!!

เราเลือกข้อ 3 ค่ะ มาทั้งทีต้องวนให้ครบรอบ! เหนื่อยมากกกกกกกกกแต่ยังดีกว่าวัดถ้ำเสือที่กระบี่ ขึ้นบันไดว่าเหนื่อยแล้ว เราว่าทางลง แล้วต้องระวังไม่ให้สะดุดล้มเหนื่อยพอๆ กับเดินขึ้น (เราชอบเดินขึ้นมากกว่า มันแค่เมื่อย แต่เดินลงมากๆ แล้วปวดเข่า)

เราเดินเล่นชิวๆ ไม่ได้เร่ง และถ่ายรูปกันตลอดทาง แวะกินข้าวกลางวันก่อนออก รวมเวลาแล้วประมาณครึ่งวันกว่าๆ สามารถเที่ยวที่อื่นต่อได้

inari-path

ฝั่งหนึ่งเป็นเสาเรียบๆ ส่วนอีกฝั่งจะเขียนวันเดือนปีและชื่อของผู้บริจาค เห็นส่วนใหญ่เป็นชื่อบริษัทมากกว่า
และไม่ต้องสงสัยเลยทำไมถึงเป็นชื่อบริษัท
ดูราคาสิ!!! ไม่ถูกเลยจริงๆ… รูปล่างเป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับเอาไว้ห้อยบูชาค่ะ นี่คงเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ เลยมั๊งเนี่ยค่าโอโตเมะเกมของอุก้าซามะสินะ

inari-price

ต่อไปนี้ขออนุญาตสาดรูป

resized-DSC_2268resized-

resized-DSC_2354resized-

resized-DSC_2364resized-

resized-DSC_2305resized-

แถวๆ บ่อน้ำนี่แหละ ทีเ่ขาว่ากันว่าเป็นจุดถอนใจ หมดกำลังใจกลับไปเยอะ (จุดๆ ในบ่อน้ำนกน้ำชนิดหนึ่ง)

resized-DSC_2302resized-

ใบแดงๆ เป็นใบโมมิจิ (เมเปิลพันธุ์เล็กของญี่ปุ่น)
ส่วนสีเหลืองที่เห็นนี่คือใบแปะก๊วย เหลืองสวยมากๆ
เป็นสองใบไม้เปลี่ยนสีจุดเด็ดของฤดูใบไม้ร่วง

resized-DSC_2366resized-

ถึงจะเป็นเขตศาลเจ้า แต่มีบ้านเรือน ร้านค้าให้เห็นประปราย

inari-shop

ร้านค้าอีกสักรูป
ร้านข้างล่างขายน้ำส้มไบเล่ย์ที่ทุกคนคุ้นเคย (ฮา)
น้ำในบ่อหินเย็นมาก อุณหภูมิอากาศวันที่เราไปอยู่ที่ประมาณ 3 องศา น้ำในบ่อคงเย็นกว่านั้น เขาเลยเอาเครื่องดื่มมาแช่ในนี้ซะเลย
ไม่ต้องสงสัยว่าอากาศแบบนั้นทำไมอยากกินของเย็น…เพราะเดินขึ้นบันไดมาตลอดทางน่ะสิ!! ขนาดขาไป ใส่เสื้อโค้ทพันผ้าพันคอแล้วยังหนาว เดินไปสักพักถอดออกหมด ทั้งโค้ททั้งผ้าพันคอ
น้ำดื่มของที่นี่ มีทั้งร้านค้าและตู้กดอัตโนมัติตลอดทาง และราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทาง 150 เยนที่ทางขึ้น อาจเป็น 250 เยนตอนใกล้ๆ ยอดเขา ใครเสียดายเงินอย่าลืมพกขวดน้ำมาด้วยจ้า

resized-DSC_2382resized-

ศาลเจ้าตามรายทาง จำชื่อไม่ได้สักศาล

resized-DSC_2397resized-

เป็นทางแยกที่…. ดูยังไงก็น่าจะหลง 5555 ชั้นควรจะไปยังไงต่อ สรุปได้เดินวนรอบเล็กๆ ถ่ายรูปเล่นบนเนินรอบนึงแล้วกลับมาที่เดิม

resized-DSC_2407resized-

ถึงยอดเขาแล้วววววววววววว ♪~q(^-^q) q(^0^)p (p^-^)p~
(โปรดสังเกต ถอดโค้ทแล้วจ้า ไม่ไหวแล้ว… เดินจนร่างกายอบอุ่น

resized-DSC_2405resized-

ศาลเจ้าบนยอดเขา

ก่อนเราจะเดินลงจากเขากัน
แว้บบบบ ไปดูมุมแปลกๆ ของฟุชิมิ อินาริกันดีกว่า

inari-BackStage

เสาโทริอิ
มีผุพัง และตอกเพิ่มตลอดเวลาค่ะ
เจอคนกำลังตอกอย่างนี้อยู่ 2-3 จุด และพบเสาหักแล้ววางไว้ตามข้ามทาง

นอกจากนี้… บางจุดรถดขึ้นได้!!!!???
โอ้วววววว ว ว ว
อะเมซซิ่งกับเรื่องนี้
ในภาพนั่น เขาขับรถกระบะเล็ก “ถอยหลัง” ลงจากทางที่ล้อมรอบด้วยโทริอิ….. สมเป็นโปรจริงๆ
เหมือนว่า จริงๆ แล้วนอกจากทางที่มีโทริอิ ที่พวกเราเดินๆ กันแล้วเนี่ย บนภูเขาก็ยังมีถนนเส้นอื่นๆ อีก รถน่าจะขึ้นได้อยู่หลายจุดพอสมควร

กลับมาดูภาพสวยๆ กันดีกว่า…

resized-DSC_2466resized-

จุดชมวิว สวยจริงๆ ขนาดฟ้าไม่โปร่งมาก อึมครึมหน่อย ยังรู้สึกว่าสวย

resized-DSC_2455resized-

ตอนขาลง หลังผ่านจุดชมวิวไป ก่อนจะไปเที่ยวต่อเราต้องหาอาหารเที่ยง…เลยตัดสินใจเลือกมาร้านนึงจากบรรดาร้านที่เดินผ่านบนเขา
เพราะเหลือบดูเมนู ดูราคา เห็นบรรยากาศแล้วน่านั่งดี
เป็นร้านที่มีคุณป้าทำอยู่คนเดียว ราคาไม่แพง และ……อร่อย! (เรากินอุด้งกับอินาริซูชิไป) แอบเห็นใบประกาศของ Trip Advisor แว้บๆ ด้วย

resized-DSC_2478resized-

บรรยากาศร้าน จากหน้าต่างมองลงไปเห็นวิวภูเขา
มีที่นั่งริมหน้าต่าง แต่นั่งได้สองคน…
มีตะกร้าให้วางสัมภาระด้วย น่ารักมาก
เลยตกลงกันว่าถ่ายรูปเล่นพอ แต่ไปนั่งกินโต๊ะข้างฮีทเตอร์ดีกว่า

resized-DSC_1401

อินาริแสนอร่อย (*´∀`*) เสิร์ฟพร้อมชาเขียวร้อน

อิ่มแล้ว ลงเขากันต่อ

resized-DSC_2494resized-

ใกล้เห็นปลายทางละ

resized-DSC_2500resized-

เย้! ทางออก
ตรงไป ข้ามถนนปุ๊บ เป็นสถานี JR เลย
หรือใครจะใช้เคฮัง เดินบนสะพานข้ามแม่น้ำไปนิดนึงก็ถึง

marker-small

※ส่วนด้านล่างนี้สำหรับคนดูเรื่อง Inari, Kon kon, Koi iroha โดยเฉพาะ※

แบบว่า…ดูแล้วบางจุดรู้สึกคุ้นตา จุดในจำได้ตอนดูก็แคปสกรีนเอามาเทียบกันเล่นๆ
มุมภาพไม่ค่อยเหมือนกันนะคะ เพราะเราไปมาก่อน เลือกๆ ภาพจากที่มีอยู่เนี่ยแหละ ไม่ได้ไปหาเพิ่ม

resized-[Zero-Raws] Inari, Konkon, Koi Iroha - 09 (MX 1280x720 x264 AAC)[19-26-13]

อีกฝั่งนึงของแม่น้ำ ตรงกลางรูปเลยคือสถานีรถไฟ JR Nara Line ค่ะ
ข้ามถนนเส้นเล็กๆ จะเจอโทริอิใหญ่อันแรก
เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ เจอตัวศาลเจ้า พอไปหลังศาลเจ้า ที่เห็นเป็นป่านั่นแหละคือตรงที่มีโทริริเรียงรายกันรอบภูเขาเลย

inari-anime_01

ตอนแรกที่อินาริเข้าไปหาอุก้าซามะ
ตรงนี้ติดใจมากว่าเป็นตรงไหน…. รู้สึกมันคล้ายๆ กันไปหมด เลือกที่ดูใกล้เคียงมาให้เปรียบเทียบ 3 ที่
ส่วนตัวคิดว่าคล้ายกับภาพซ้ายล่างมากที่สุดนะ?
ภาพนี้ถ่ายจากด้านบนสุด ฝั่งขวา แต่ในเรื่องน่าจะเป็นตรงกลางๆ

ซึ่งตรงภาพซ้ายล่าง เป็นหนึ่งในประสบการณ์เด็ดประจำทริปนี้
กลุ่มพวกเรามีกัน 4 คนค่ะ
ทางเดินหลักจะมีโทริอิตลอดแนว แต่มีแยกซ้าย แยกขวาอยู่เรื่อยๆ ตรงนี้เป็นทางแยก เข้าไปเป็นหมู่ศาลหินเล็กๆ เรียงซ้อนๆ กันบนเนิน เดินเข้าไปได้เหมือนที่อินาริจังเดิน
พอเข้าไปถึง ต่างคนต่างถ่ายรูป…. หันมาอีกที เราอยู่คนเดียวแล้ว ลองตะโกนเรียกชื่อเพื่อนสองสามคน ไม่มีใครตอบ
เลยตัดสินใจเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ให้สุด(เป็นวงกต เดินตรงไม่ได้ ต้องไล่ไปตามทาง) เพราะอยากไปดูทางว่าด้านหลังเดินต่อได้ไหม หรือเราเลี้ยวผิดกันแน่ บวกกับคิดว่าถ้าขึ้นไปสูงๆ มองลงมาน่าจะเห็น
ขึ้นไปจะสุดแล้ว ตะโกนเรียกอีกครั้ง เจอเพื่อน 1 คน… ค่อยสบายใจ คงไม่มีอะไร
ปรากฏว่า สองคนเดินจนสุดทาง พบว่าข้างหลังหมู่ศาลเจ้านี้มีทางให้เดิน (น่าจะเป็นทางรถวิ่งด้วย) แต่คงไม่ใช่เส้นทางหลัก
แต่หันกลับไปตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีคนตอบ ชักลังเลว่าหรือเพื่อนจะเดินต่อ หรือมันจะย้อนกลับไปแล้ว
เลยคุยกันว่าเรียกอีกครั้งไม่ตอบเนี่ย จะเดินต่อแล้ว ไปดูข้างหน้า เผื่อจะเจอ
ปรากฎว่าเรียกครั้งนี้มีคนตอบกลับ!! เพื่อนเราเอง T_____________T เรียกปุ๊บได้ยินเสียงปั๊บ ตอบกลับมาทันที รวมตัวครบ 4 คน
พอสบายใจแล้วกลับหลังหันเลยถ่ายภาพนี้เป็นที่ระลึกก่อนลงเนินกลับไป

หลังจากนั้น พวกเราคุยกันว่า ตะโกนเรียกไม่ได้ยินเหรอ
ต่างฝ่ายต่างบอกว่าตัวเองก็ตะโกนเรียก ทำไมไม่ได้ยิน… หืออออ O__O
คือมันเล็กมากนะบริเวณนั้น…. นิดเดียวเอง ไมไ่ด้ใหญ่เลย ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียง พวกเราก็ไม่ใช่คนเสียงเบามากมาย แถมพอเรียกเท่าไหร่ไม่ได้ยินก็เริ่มตะโกนเลยด้วย
อีกฝ่ายบอกว่า ได้ยินเสียงพวกเรา แค่ครั้งสุดท้ายที่ตอบกลับนั่นแหละ ก่อนหน้านั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย!?
พยายามคิดความเป็นไปได้หลายๆ อย่าง ว่าไม่แน่ ศาลเจ้าหินพวกนี้อาจจะเป็นหินทึบมาก จนทำให้เสียงทะลุมาไม่ได้ แต่มันไม่ได้สูงมากไง ประมาณหัวเรา… ถ้าตะโกนก็ควรจะข้ามไปได้สิ ทำม๊ายยยยยยย….. (((((( ;゚Д゚)))))

เดินเลยจากตรงนั้นออกมาหน่อย มีคุณตาคุณยายเดินกันสองคนผ่านกลุ่มเราไป
คุณตาบอกคุณยายว่า… เนี่ย เขาว่ากันว่า ถ้าทำตัวไม่ดี ท่านอินาริจะพาตัวไปซ่อนด้วยนะ

โอจี้ซางงงงงงงงงง OTL
หนูอุตส่าห์พยายามลืมๆ มันไปแล้วนะค๊าาาาาาาาาา

เป็นอีกเหตุการณ์ประจำทริปที่คงไม่ลืมไปอีกนาน
เรา(และเพื่อนๆ ตรงนี้)เป็นพวกไม่ค่อยเชื่อเรื่องลึกลับที่อธิบายไม่ได้…
พอผ่านออกมาจากตรงนั้นก็เฉยๆ ไม่ได้อะไร ยังเดินบนเขาไป ร้อง The Fox กันไปอยู่เลย (ฮา)
แต่ยอมรับว่าตอนอยู่ในหมู่ศาลเจ้า หันไปอีกทีเพื่อนหายนั่นเริ่มระแวงละ พอเรียกเท่าไหร่ไม่ตอบกลัวเลย… มาขนลุกตอนคุยกันทีหลังพบว่าต่างฝ่ายต่างไม่ได้ยินเสียงเนี่ยแหละ
แต่ท่องเที่ยวมันต้องแบบนี้แหละถึงจะสนุก!! ไปถ่ายรูปแล้วกลับมันจะสนุกอะไร มีเรื่องเล่ามาเม้าท์ได้ที่ไหน

นี่ถ้าตอนนั้นเดินวนๆ ไม่เจอเพื่อนคนแรก จะหลงไปถึงตำหนักอุก้าซามะไหม…. ก็ดีนะ ขอหนูเล่นเกมด้วย

มาต่อกันที่ภาพต่อไป

inari-anime_02

ฉากอุก้าซามะเถียงกับคุณพี่ชายค่ะ
ตอนดูเรารู้สึกคุ้นฉากมากกกกกกก… พอไล่รูปดูก็บิงโก เจอ เป๊ะเลย!
แต่ถ่ายมาคนละมุมกัน
อนิเมเก็บงานเนี๊ยบจัง ไปส่องรูปใหญ่ ตัวหนังสือที่เขียนๆ ถอดแบบมาครบถ้วน

inari-anime_04

อีกหนึ่งฉากที่เห็นปุ๊บ จำได้ปั๊บ ค้นรูปเจอทันที
เพราะเราถ่ายรูปนี้ด้วยเหตุผลว่า จิ้งจอกพ่นน้ำท่าตลกมาก 555555555
แล้วเล็งถ่ายอยู่หลายมุมเพื่อให้มันดูตลกที่สุด (ขอโทษค่ะ) เลยจำได้แม่นทีเดียว

inari-anime_03

ภาพนี้ไม่แน่ใจ เพราะมันมีจุดคล้ายๆ แบบนี้เยอะ
แถมมุมในเรื่องเป็นภาพจากข้างล่างขึ้นมา ของเราเป็นถ่ายจากบนลงล่าง

จริงๆ มีอีกหลายฉาก แต่คุ้ยภาพที่กดมาแบบไม่ยั้งจนตาลาย มึนโทริอิไปแล้ว
ดูแค่นี้พอเป็นกระษัย เผื่อใครอยากไปแสวงบุญ(ฮา) อย่าลืมแคปสกรีนแล้วไปถ่ายมาให้มุมเดียวกันล่ะ

ได้ข้อคิดอีกอย่าง อินาริเดินอึกมากกกกก… แต่ละรูปที่แคปมาไม่ใช่ด้านล่างๆ เลย อีกนิดเดียวก็ยอดเขาแล้วนะนั่น
แล้วคุณเธอเดินไปเดินเล่นเป็นประจำ โอ้ววว… สุขภาพแข็งแรงค่ะ 55555

marker-small2

สรุป Fushimi Inari Jinja

★ เหนื่อย

★ แอบน่ากลัว หลงทางง่ายมาก วกวน และอยู่บนเขา

★ ไม่ได้สวยขนาดนั้น ถ้าดูแต่ละจุดไป แต่ด้วยอากาศ บรรยากาศ ภาพรวม ทำให้เดินแล้วรู้สึกสงบดี

★ เราไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ใบไม้แดงกำลังสวย แต่เช็ครายวัน รายสัปดาห์เหมือนกัน เล็งว่าวันนี้จะที่ไหน เขาจะมีพยากรณ์ให้ดูเลยว่าวันนี้ใบไม้แดงที่ไหนกำลังสวย ที่ไหนร่วงแล้ว ที่ไหนยังไม่แดง สามารถเช็คได้ในเน็ต หรือพอไปถึงที่นู่นแล้วจะมีติดบอร์ดไว้ตามสถานีรถไฟด้วย เช็คได้หลายเว็ป ตัวอย่างเช่น http://kouyou.nihon-kankou.or.jp/migoro/migoro.php เป็นต้น

★ เขานิยมไปชมโคโย(ใบไม้เปลี่ยนสี)กัน ไม่แน่ใจว่าฤดูอื่นจะเป็นยังไง

★ เราวนอีท่าไหนก็ไม่รู้ ตอนขาลง ยิ่งลงโทริอิยิ่งน้อยลง ไปๆ มาๆ ไปโผล่อยู่ในเขตชุมชนข้างๆ ตัววัด พร้อมๆ กับคนญี่ปุ่นที่หลงทางมาเหมือนกัน พอเราไปถามทางร้านค้าตรงนั้น ร้านตอบทันที คงมีคนหลงมาบ่อย จริงๆ มันกันเลยนั่นแหละ แต่มีรั้วกั้นอยู่เลยมองไม่เห็นตัวศาล อีตาลุงญี่ปุ่นข้างหลัง มาแอบฟังแล้วเดินตามซะงั้น ลุงคะ เหตุไฉนให้กะเหรี่ยงถามทาง ทำไมลุงไม่ถามมมมม ( ◢д◣)

★ อาหารอร่อยดี ทั้งร้านอาหารที่แวะ และร้านซอฟต์ครีม (แพงกว่าข้างล่างร้อยเยน แต่มีรสคินาโกะ)

★ นักท่องเที่ยวกระจุกตัวกันหนาแน่นบริเวณโทริอิถี่ๆ ตรงทางขึ้น พอพ้นจุดนั้นไปคนน้อยลงเรื่อยๆ

★ ไปอีกไหม—ไปได้ แต่ไม่ได้ดิ้นรนจะไป

ใบไม้แดง แจแปน 2013! ลุยญี่ปุ่น 20 วัน ไม่ต้องพึ่งทัวร์

เมื่อปลายปีที่แล้วไปเที่ยวญี่ปุ่นมาค่ะ

วันที่ 21 พ.ย. จนถึง 10 ธ.ค.
ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นทั้งใบไม้แดงและหิมะ… ได้เห็นใบไม้แดงจริง กำลังสวยเชียว ส่วนหิมะเห็นแบบเฉียดๆ อยู่บนรถเห็นบนยอดเขา พอขึ้นเขา เห็นอยู่บนเขาอีกลูก พอกลับไทยได้ไม่ถึงสัปดาห์ดีเห็นข่าวว่าที่ๆ เราไปหิมะตก สรุปสั้นๆ ว่าอด

ตั้งใจจะมาอัพบล็อกอย่างละเอียด แต่มองรูปมองที่ไปเที่ยวแล้วเกิดอาการท้อแท้ ส่วนใหญ่ก็ไปเดินเล่นเก็บบรรยากาศ
มีเพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่นมาพาเที่ยวเป็นบางวัน ส่วนที่พักย้ายบ่อยๆ มีทั้งโฮสเทล บิสเนสโฮเทล โฮมเสตย์ อนเซ็นเรียวคัง

ที่เที่ยวที่ไปมาคราวนี้

★โอซาก้า

– สุสานโคมง สวนพฤกษศาสตร์ ปราสาทโอซาก้า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ นั่งชิงช้าสวรรค์ เดินเล่นในเมือง แวะมันดาราเคะ และ “กิน”

osaka

★เกียวโต

– คินคะคุจิ คิตะโนะเท็มมังกู วัดอีกมากมาย อาราชิยามะ วนรอบเขาฟุชิมิอินาริ ซันจูซันเก็นโด คิโยมิสุเดระต่อกิอง เดินเล่นรอบนอกเมืองชิเซ็นโด มันชูอิน ฯลฯ ชมคาเฟ่ เดินเล่นร้านหนังสือ ดูฟัง ชอปปิ้งในเมือง มากมายก่ายกอง

kyoto

★อุจิ

– พิพิธภัณฑ์เก็นจิ ศาลเจ้าอุจิ
(งดภาพประกอบ ในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูป)

★โกเบ

– พิพิธภัณฑ์แผ่นดินไหว ไชน่าทาวน์
(งดภาพประกอบ ในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูป)

★คานาซาว่า (เห็นว่ามันคือเมืองนินจาคางะล่ะ)

– นิชิจายะ ฮิงาชิจายะ ตลาดโอมิโจ เค็นโรคุเอ็น

kanazawa

★ชิราคาวะโกะ (ฮินามิซาว่า #ผิด)

เป็นหมู่บ้านมรดกโลกกลางภูเขาค่ะ

shirakawa-go

★ทาคายามะ

★เกโระ อนเซ็น

takayama-gero
(ภาพนี้รวมทั้งทาคายามะและเกโระ)

★นาโกย่า

– กินข้าวหน้าปลาไหลสไตล์นาโกย่าฮิทสึมาบุชิ เดินอัตสึตะจินกู ปิดท้ายด้วยดูไฟที่นาบานะ โนะ ซาโตะ

nagoya

★ฮาโกเน่

– เล่นสวนน้ำ Yunessun นั่งกระเช้าลอยฟ้า
(งดภาพประกอบ ในสวนน้ำไม่ได้ถ่ายรูป)

★โตเกียว

– ร้องเกะข้ามคืน เดินรวดเดียว ชิบุย่า ฮาราจูกุ ชินจูกุ โอโมเทะซานโดะ กินซ่า แวะอาซากุสะ แล้วลุยอากิบะ อิเคบุคุโระ นากาโน่ อิเคบุคุโระ  อากิบะ และอากิบะ (55555555555555555555)

ประมาณนี้ วนๆ อยู่กลางเกาะฮอนชูเนี่ยแหละ อยู่เกียวโตนานสุดแล้ว ประมาณ 1 สัปดาห์เลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่เบื่อจริงๆ เกียวโตเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากจริงๆ สำหรับเรา อาจเพราะได้เพื่อนที่นู่นนำทางไปที่ๆ ปกติคนไม่ไปเที่ยว เดินวนวัดบนเขานอกเมือง ร้านหนังสือร้านเครื่องเขียนสวยๆ ประกอบกับช่วงที่ไปใบไม้แดงสวยมว้ากกกกกกกก มากจริงๆ… เคยเห็นรูปแล้วคิดว่ามันสวยเพราเป็นรูปถ่าย พอเห็นของจริงถึงได้รู้ว่าของจริงสวยมาก สีแดงได้โกหกหลอกลวงยิ่งกว่าโฟโต้ช้อป

รายละเอียดของแต่ละที่ คงไม่ลงครบทุกอัน… แต่เอาเป็นว่าแปะไว้ก่อน ไว้จะมาเล่าข้อดีข้อเสีย เรื่องสนุกๆ ของแต่ละที่อีกอีกครั้ง ใครเข้ามาอ่าน กำลังสนใจจะไปทีไหน อยากได้รายละเอียดแปะไว้ในคอมเมนต์นะคะ

marker-small2

เอนทรี่นี้ขอสรุปเรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ

★เกียวโตหนาวมาก

★รถบัสญี่ปุ่นขับดีมาก แต่นอกจากจะแพงแล้ว ยังต้องบริการตัวเองทุกสิ่งและที่นั่งแคบมาก

★ที่ๆ ไม่รู้สึกอยากไปอีกมากมาย Takayama, Yunessan

★ที่ๆ อยากจะไปอีกให้ได้ Kanazawa เพราะรอบนี้ไปวันเดียวแถมฝนตกอีกต่างหาก รู้สึกยังไม่เต็มที่เลย

★ได้ภาษาญี่ปุ่นชีวิตสบายๆ จริงๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแถวสำหรับเปิด JR Pass ซึ่งไม่มีคนญี่ปุ่นอยู่เลย (คนญี่ปุ่นใช้ไม่ได้) ถึงมีพนักงานมารัวภาษาญี่ปุ่นใส่ -*- ถามว่าฟังออกไหม…ฟังออก แต่คิดว่ามันไม่เมคเซนส์อย่างแรง สรุปง่ายๆ ว่าเขาไม่พยายามจะใช้ภาษาอังกฤษ และไม่พยายามจะใช้ญี่ปุ่นที่ฟังออกง่ายด้วย พูดเร็วมาก รัวมาก และใช้ pattern เดียวกับตอนพูดกับคนญี่ปุ่นเป๊ะ มนุษย์เกาะช่าง…. *น้ำตาจะไหล*

รถเมล์เกียวโต… ถ้าไม่กดกริ่งเขาไม่จอนะจ๊ะ *ช็อกไปเลย*

★นอกจากร้านอาหาร ทุกอย่างปิดเร็วมาก โดยเฉพาะฤดูหนาวจะเร็วกว่าปกติ ฮาโกเน่ 4 โมงกระเช้าเลิกวิ่ง เกียวโต 4 ทุ่มรถเมล์หมด รถไฟไม่เกินเที่ยงคืนก็ปิดหมดละ…

★คนไม่ชอบมิโสะและไม่กินวาซาบิในไทยอย่างเรา สามารถกินที่ญี่ปุ่นได้อย่างเอร้ดอร่อย… T^T มันผิดกันจริงๆ ด้วย

รถไฟซับซ้อนมาก มากถึงมากที่สุด โดยเฉพาะกลางเมืองโอซาก้า และพวกรถท้องถิ่นไม่มีช่องสอดตั่วหน้าตาเกือบจะเรียกว่ารถรางของเกียวโต

★ไชน่าทาวน์เล็กมาก ซาลาเปาที่ญี่ปุ่นไม่อร่อยถึงขั้นกินไม่ได้สำหรับเรา นี่ซื้อร้านดังสุดเข้าแถวยาวเหยียดนึ่งเสร็จใหม่ๆ เลยนะ

Pocket Wifi เน็ตเสถียรและเร็วกว่า Traveler Sim มากอย่างเทียบไม่ติด

★ช่องขายตั๋วล่วงหน้าตามสถานีรถไฟจะขายตั๋วกว่าซื้อในสถานี แต่ต้องเดินหา มักจะเป็นห้องเล็กๆ มีกระดาษแปะเยอะๆ เหมือนร้านขายซิมมือถือในไทย

★จากข้อข้างบน ถ้าไม่คิดอะไรมาก หาบัตรเติมเงิน (อารมณ์ Rabbits) ไปใช้เหอะ มีหลายแบรนด์ ทุกแบรนด์ใช้ได้ทั่วประเทศ ไม่มีส่วนลด แต่สะดวก

★ญี่ปุ่นมีทุกอย่างเป็นกาชาปอง แม้แต่อุปกรณ์ตกแต่งต้นคริสต์มาส ไปจนถึงเทวรูปจำลอง ตราประจำตระกูลนักรบ หรือผักของเล่น

คนไทยเยอะมากโดยเฉพาะอากิบะ… ราวกับสามารถนั่งรถไฟฟ้าจากสยามไปถึงได้ใน 1 ชม.

ใครถามว่าอาหารพื้นเมืองของญี่ปุ่นคืออะไร จะตอบว่า Softcream เพราะมีขายเยอะที่สุดแล้ว มีทุกที่ ทุกทาง ทุกรส หลากยี่ห้อ เกินกว่าจะบรรยาย

★เดี๋ยวนี้ร้านอาหารตามเมืองใหญ่ๆ มีเมนูภาษาอังกฤษกันเยอะเหมือนกัน

★ชิราคาว่าโกะเมืองเก่า แต่จริงๆ แล้วไฮเท็คกว่ากรุงเทพค่ะ ไม่ต้องกลัวลำบาก ใครอยากไป แนะนำว่าอย่าแวะเฉยๆ ค้างคืนเลยดีกว่ามากจริงๆ

★บัตรนักเรียน นักศึกษา สามารถใช้ลดราคาค่าเข้าสถานที่หลายๆ แห่งได้ บัตรของไทยก็ใช้ได้ค่ะ

★จะเที่ยวที่ไหนก็ต้องเดิน ควรใส่รองเท้าเดินสบายมากๆ อยู่บ้านนอกก็เดินบนถนน บนเขา เข้าเมืองเดินขึ้นลงบันไดตามร้านขายของและสถานีรถไฟ

★ที่โอซาก้าเวลาขึ้นบันไดเลื่อนจะยืนชิดซ้าย เดินชิดขวา… ส่วโตเกียวจะยืนชิดขวา เดินชิดซ้าย พอถามเพื่อนที่อยู่เกียวโตว่าแล้วเกียวโตเป็นแบบไหน ได้คำตอบว่า “ชิดตามคนข้างหน้า” เพราะเกียวโตมีนักท่องเที่ยวเยอะ ทั้งคนต่างชาติ คนคันโตและคนคันไซ เพราะฉะนั้นข้างหน้าเขาชิดยังไงก็ทำให้เหมือนกันเท่านั้นแหละ จบ! เป็นอะไรที่เหมาะกับเมืองไทยดี เพราะนักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกัน แล้วแต่ละที่รณรงค์ไม่เหมือนกัน ไม่ต้องไปคิดมากหรอกว่าต้องซ้ายหรือขวาเท่านั้น เอาเป็นว่าทำให้มันเหมือนกันทั้งแถวก็พอแล้วน่า

marker-small2

ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่สร้างสีสรรค์ให้ชีวิตเจ้าของบล็อกมากๆ

วางแผนล่วงหน้าเป็นปี จองตั่วล่วงหน้าครึ่งปี จองที่พัก ซื้อตั๋วรถไฟ จองรถบัส บลาๆๆๆ ไว้มากมาย รวมทั้งเก็บเงินอีกนานด้วยเช่นกัน

เหนื่อยไหม เหนื่อยมาก… แต่สนุกมากกว่า

คงไม่ได้ลุยอะไรขนาดนี้ไปนาน เก็บไว้เป็นประสบการณ์ พร้อมทั้งเก็บวีรกรรมมากมายไว้เป็นความทรงที่ดี(ล่ะมั๊ง)