ทริปญี่ปุ่นติดไว้นานแสนนาน ไม่ได้อัพต่อสักที
เลือกไม่ได้ว่าจะโพสต์ที่ไหนก่อน (ข้ออ้าง)
แต่ตอนนี้เลือกได้แล้ว เอา Fushimi Inari Jinja เนี่ยแหละ กำลังอินเทรนด์เลย
พอดี๊ พอดี ซีซันนี้มีเรื่อง Inari, Kon Kon, Koi Iroha ฉาย… ดูไปแล้วก็ปิ๊งไป เอ๊ะ ตรงนี้ไงที่เดินหลง อ๊ะ ตรงนั้นไงที่ถ่ายรูปมา ใช่แล้ว เมื่อปลายปีเราได้ไปศาลเจ้า ฟุชิมิ อินาริ ที่เกียวโตมาด้วย!! แถมด้วยความบ้าพลังของผู้ร่วมทริป เดินวนมันรอบเขาเลย ฉากที่โผล่ๆ มาในอนิเมเลยปิ๊งๆๆ มีคุ้นๆ เยอะจัง พอกลับมาไล่ดูรูปใหม่พบว่าใช่จริงๆ ด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ คงไม่ได้อัพครบทุกสถานที่ในทริปหรอก แต่ขอเอาฟุชิมิ อินาริ มาลัดคิวอัพก่อนอนิเมจะจบ
น่าแค้นใจที่ว่า ตอนเราไปแทบจะหลงทางบนภูเขาเพราะแผนที่มันไม่ค่อยดี แถมยังไม่มีคำอธิบายอะไรสักเท่าไหร่ ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ (จริงๆ แค่นี้ก็หอบแล้ว) แต่พออนิเมฉายปุ๊บ ดันมี Official Application ตัวนี้ออกมา http://inarikonkon.jp/news/app ซะได้ น่าเสียดาย เพราะคำอธิบายกับแผนที่เข้าใจง่ายมาก อย่างน้อยก็ง่ายกว่าที่เราเจอมา
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างดัง พบเห็นภาพถ่ายอยู่บ่อยๆ แต่น่าแปลก พอไปจริงๆ กลับไม่มีนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ยิ่งเดินขึ้นไปบนเขายิ่งมีน้อย มีแต่คุณลุงคุณป้าเดินเล่นกัน O___O’ พบคุณตาคุณยายอายุน่าจะทะลุ 70 ทั้งคู่ เดินกันคล่องปรื๋อขึ้นลงบันไดไปตามภูเขา พร้อมด้วยกล้องคอมแพ็คต่อขาสำหรับถ่ายรูปตัวเอง!!! อะเมซซิ่งแบบคัลเจอร์ ช็อกเล็กๆ น้อยๆ คนแก่เขาแข็งแรงมากจริงๆ ขนาดเราขึ้นยังเหนื่อยเลย
เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่จะว่าไปยากไหมก็ไม่ยาก แค่ไกลจนจัดรวมทริปกับวัดดังในเกียวโตอย่าง คินคะคุจิกับคิโยมิสุไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ และนี่อาจเป็นเหตุผลให้ทัวร์ไปลงไม่เยอะนัก และคงความเงียบสงบไว้ได้ แต่จริงๆ แล้วหากไปเที่ยวเอง เดินวนครบรอบ รวมเวลาเดินทางจากตัวเมืองเกียวโตแล้วใช้เวลาเพียงครึ่งวัน สามารถไปเที่ยวที่อื่นอย่างอุจิ นารา หรือจะกลับไปในเมือง เดินเล่นคิโยมิสุ-กิอง ก็ยังได้
สถานี Inari มี 2 แห่ง
ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับญี่ปุ่น และไม่ใช่ 2 ทางออก แต่เป็น 2 สถานีเลย
ที่มี 2 สถานีก็เพราะว่าเป็นรถไฟคนละสาย หรือคนละยี่ห้อนั่นเอง
ดูจากรูปด้านล่าง
ซ้ายบนเป็นรถไฟเคฮัง (วิ่งแถวคันไซ) สถานี Fushimi Inari
ส่วนด้านล่างเป็น JR Nara Line สถานี Inari
เลือกใช้บริการได้ตามความสะดวก จะเลือกจากใกล้ที่พัก-ที่เที่ยว หรือใครเปิดบัตร JR Pass ก็ใช้ JR ไปได้
เมื่อออกจากสถานีจะเป็นทางเดินเข้า เห็นโทริอิอันใหญ่แต่ไกล เดินเข้าไปเลย! GO GO!
เข้าไปถึงจะมีด้านหน้าสำหรับสักการะ บูชา ซื้อของฝาก ห้อยเอมะ(ป้ายอธิษฐาน) ของที่นี่เป็นรูปโทริอิกับหน้าจิ้งจอก แต่หน้าจิ้งจอกไม่ได้ถ่ายรูปมา
ข้างหน้าว่ากันตามตรง ด้านหน้าไม่ได้สวยโดดเด่นสักเท่าไหร่หากเทียบกับวัดและศาลเจ้าเก่าแก่ในเกียวโตทั้งหลาย….แต่จุดที่เราจะเดินและถ่ายรูปกันอยู่ด้านหลังต่างหาก
จากจุดที่เขากราบไหว้เทพเจ้าและโยนเหรียญขอพร ลองมองหาป้าย ถ้าไม่มีไม่ต้องสนใจ เดินอ้อมไปด้านหลังจะเจอทางขึ้น จริงๆ มันขึ้นได้หลายทาง แต่มีทางหลักอยู่ มองปุ๊บ รู้ปั๊บ มีอินาริซามะเฝ้าอยู่ที่ซุ้มประตู
ทางเดินด้านใน โดยส่วนใหญ่ เป็นบันได (((((( ;゚Д゚))))) มีโทริอิคร่อมทางเดิน
ปกติมีวิธีเดินชมที่นิยมอยู่ 3 แบบ จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยลงตามลำดับ…
1. เดินเข้าไปถึงทางที่โทริอิแยกเป็น 2 ฝั่ง เลือกขึ้นฝั่งหนึ่ง เดินไปจนสุดทางแล้ววกกลับลงมาอีกทางนึง ถ่ายรูปเล่น เป็นอันจบ
2. ไปถึง “จุดถอดใจ” ได้ยินมาว่าเป็นช่วงพัก ที่จะไปอ้อมวงกว้างสุด คนไปถึงตรงนี้เห็นแผนที่แล้วถอดใจกลับกันเยอะ รู้สึกจะแถวๆ บ่อน้ำใหญ่… แต่เราตั้งใจไว้ว่าจะไปให้ครบเลยไม่ได้สนใจจุดนี้เลย
3. วนจนครบ!!!
เราเลือกข้อ 3 ค่ะ มาทั้งทีต้องวนให้ครบรอบ! เหนื่อยมากกกกกกกกกแต่ยังดีกว่าวัดถ้ำเสือที่กระบี่ ขึ้นบันไดว่าเหนื่อยแล้ว เราว่าทางลง แล้วต้องระวังไม่ให้สะดุดล้มเหนื่อยพอๆ กับเดินขึ้น (เราชอบเดินขึ้นมากกว่า มันแค่เมื่อย แต่เดินลงมากๆ แล้วปวดเข่า)
เราเดินเล่นชิวๆ ไม่ได้เร่ง และถ่ายรูปกันตลอดทาง แวะกินข้าวกลางวันก่อนออก รวมเวลาแล้วประมาณครึ่งวันกว่าๆ สามารถเที่ยวที่อื่นต่อได้
ฝั่งหนึ่งเป็นเสาเรียบๆ ส่วนอีกฝั่งจะเขียนวันเดือนปีและชื่อของผู้บริจาค เห็นส่วนใหญ่เป็นชื่อบริษัทมากกว่า
และไม่ต้องสงสัยเลยทำไมถึงเป็นชื่อบริษัท
ดูราคาสิ!!! ไม่ถูกเลยจริงๆ… รูปล่างเป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับเอาไว้ห้อยบูชาค่ะ นี่คงเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ เลยมั๊งเนี่ยค่าโอโตเมะเกมของอุก้าซามะสินะ
ต่อไปนี้ขออนุญาตสาดรูป
แถวๆ บ่อน้ำนี่แหละ ทีเ่ขาว่ากันว่าเป็นจุดถอนใจ หมดกำลังใจกลับไปเยอะ (จุดๆ ในบ่อน้ำนกน้ำชนิดหนึ่ง)
ใบแดงๆ เป็นใบโมมิจิ (เมเปิลพันธุ์เล็กของญี่ปุ่น)
ส่วนสีเหลืองที่เห็นนี่คือใบแปะก๊วย เหลืองสวยมากๆ
เป็นสองใบไม้เปลี่ยนสีจุดเด็ดของฤดูใบไม้ร่วง
ถึงจะเป็นเขตศาลเจ้า แต่มีบ้านเรือน ร้านค้าให้เห็นประปราย
ร้านค้าอีกสักรูป
ร้านข้างล่างขายน้ำส้มไบเล่ย์ที่ทุกคนคุ้นเคย (ฮา)
น้ำในบ่อหินเย็นมาก อุณหภูมิอากาศวันที่เราไปอยู่ที่ประมาณ 3 องศา น้ำในบ่อคงเย็นกว่านั้น เขาเลยเอาเครื่องดื่มมาแช่ในนี้ซะเลย
ไม่ต้องสงสัยว่าอากาศแบบนั้นทำไมอยากกินของเย็น…เพราะเดินขึ้นบันไดมาตลอดทางน่ะสิ!! ขนาดขาไป ใส่เสื้อโค้ทพันผ้าพันคอแล้วยังหนาว เดินไปสักพักถอดออกหมด ทั้งโค้ททั้งผ้าพันคอ
น้ำดื่มของที่นี่ มีทั้งร้านค้าและตู้กดอัตโนมัติตลอดทาง และราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทาง 150 เยนที่ทางขึ้น อาจเป็น 250 เยนตอนใกล้ๆ ยอดเขา ใครเสียดายเงินอย่าลืมพกขวดน้ำมาด้วยจ้า
ศาลเจ้าตามรายทาง จำชื่อไม่ได้สักศาล
เป็นทางแยกที่…. ดูยังไงก็น่าจะหลง 5555 ชั้นควรจะไปยังไงต่อ สรุปได้เดินวนรอบเล็กๆ ถ่ายรูปเล่นบนเนินรอบนึงแล้วกลับมาที่เดิม
ถึงยอดเขาแล้วววววววววววว ♪~q(^-^q) q(^0^)p (p^-^)p~
(โปรดสังเกต ถอดโค้ทแล้วจ้า ไม่ไหวแล้ว… เดินจนร่างกายอบอุ่น
ศาลเจ้าบนยอดเขา
ก่อนเราจะเดินลงจากเขากัน
แว้บบบบ ไปดูมุมแปลกๆ ของฟุชิมิ อินาริกันดีกว่า
เสาโทริอิ
มีผุพัง และตอกเพิ่มตลอดเวลาค่ะ
เจอคนกำลังตอกอย่างนี้อยู่ 2-3 จุด และพบเสาหักแล้ววางไว้ตามข้ามทาง
นอกจากนี้… บางจุดรถดขึ้นได้!!!!???
โอ้วววววว ว ว ว
อะเมซซิ่งกับเรื่องนี้
ในภาพนั่น เขาขับรถกระบะเล็ก “ถอยหลัง” ลงจากทางที่ล้อมรอบด้วยโทริอิ….. สมเป็นโปรจริงๆ
เหมือนว่า จริงๆ แล้วนอกจากทางที่มีโทริอิ ที่พวกเราเดินๆ กันแล้วเนี่ย บนภูเขาก็ยังมีถนนเส้นอื่นๆ อีก รถน่าจะขึ้นได้อยู่หลายจุดพอสมควร
กลับมาดูภาพสวยๆ กันดีกว่า…
จุดชมวิว สวยจริงๆ ขนาดฟ้าไม่โปร่งมาก อึมครึมหน่อย ยังรู้สึกว่าสวย
ตอนขาลง หลังผ่านจุดชมวิวไป ก่อนจะไปเที่ยวต่อเราต้องหาอาหารเที่ยง…เลยตัดสินใจเลือกมาร้านนึงจากบรรดาร้านที่เดินผ่านบนเขา
เพราะเหลือบดูเมนู ดูราคา เห็นบรรยากาศแล้วน่านั่งดี
เป็นร้านที่มีคุณป้าทำอยู่คนเดียว ราคาไม่แพง และ……อร่อย! (เรากินอุด้งกับอินาริซูชิไป) แอบเห็นใบประกาศของ Trip Advisor แว้บๆ ด้วย
บรรยากาศร้าน จากหน้าต่างมองลงไปเห็นวิวภูเขา
มีที่นั่งริมหน้าต่าง แต่นั่งได้สองคน…
มีตะกร้าให้วางสัมภาระด้วย น่ารักมาก
เลยตกลงกันว่าถ่ายรูปเล่นพอ แต่ไปนั่งกินโต๊ะข้างฮีทเตอร์ดีกว่า
อินาริแสนอร่อย (*´∀`*) เสิร์ฟพร้อมชาเขียวร้อน
อิ่มแล้ว ลงเขากันต่อ
ใกล้เห็นปลายทางละ
เย้! ทางออก
ตรงไป ข้ามถนนปุ๊บ เป็นสถานี JR เลย
หรือใครจะใช้เคฮัง เดินบนสะพานข้ามแม่น้ำไปนิดนึงก็ถึง
※ส่วนด้านล่างนี้สำหรับคนดูเรื่อง Inari, Kon kon, Koi iroha โดยเฉพาะ※
แบบว่า…ดูแล้วบางจุดรู้สึกคุ้นตา จุดในจำได้ตอนดูก็แคปสกรีนเอามาเทียบกันเล่นๆ
มุมภาพไม่ค่อยเหมือนกันนะคะ เพราะเราไปมาก่อน เลือกๆ ภาพจากที่มีอยู่เนี่ยแหละ ไม่ได้ไปหาเพิ่ม
อีกฝั่งนึงของแม่น้ำ ตรงกลางรูปเลยคือสถานีรถไฟ JR Nara Line ค่ะ
ข้ามถนนเส้นเล็กๆ จะเจอโทริอิใหญ่อันแรก
เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ เจอตัวศาลเจ้า พอไปหลังศาลเจ้า ที่เห็นเป็นป่านั่นแหละคือตรงที่มีโทริริเรียงรายกันรอบภูเขาเลย
ตอนแรกที่อินาริเข้าไปหาอุก้าซามะ
ตรงนี้ติดใจมากว่าเป็นตรงไหน…. รู้สึกมันคล้ายๆ กันไปหมด เลือกที่ดูใกล้เคียงมาให้เปรียบเทียบ 3 ที่
ส่วนตัวคิดว่าคล้ายกับภาพซ้ายล่างมากที่สุดนะ?
ภาพนี้ถ่ายจากด้านบนสุด ฝั่งขวา แต่ในเรื่องน่าจะเป็นตรงกลางๆ
ซึ่งตรงภาพซ้ายล่าง เป็นหนึ่งในประสบการณ์เด็ดประจำทริปนี้
กลุ่มพวกเรามีกัน 4 คนค่ะ
ทางเดินหลักจะมีโทริอิตลอดแนว แต่มีแยกซ้าย แยกขวาอยู่เรื่อยๆ ตรงนี้เป็นทางแยก เข้าไปเป็นหมู่ศาลหินเล็กๆ เรียงซ้อนๆ กันบนเนิน เดินเข้าไปได้เหมือนที่อินาริจังเดิน
พอเข้าไปถึง ต่างคนต่างถ่ายรูป…. หันมาอีกที เราอยู่คนเดียวแล้ว ลองตะโกนเรียกชื่อเพื่อนสองสามคน ไม่มีใครตอบ
เลยตัดสินใจเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ให้สุด(เป็นวงกต เดินตรงไม่ได้ ต้องไล่ไปตามทาง) เพราะอยากไปดูทางว่าด้านหลังเดินต่อได้ไหม หรือเราเลี้ยวผิดกันแน่ บวกกับคิดว่าถ้าขึ้นไปสูงๆ มองลงมาน่าจะเห็น
ขึ้นไปจะสุดแล้ว ตะโกนเรียกอีกครั้ง เจอเพื่อน 1 คน… ค่อยสบายใจ คงไม่มีอะไร
ปรากฏว่า สองคนเดินจนสุดทาง พบว่าข้างหลังหมู่ศาลเจ้านี้มีทางให้เดิน (น่าจะเป็นทางรถวิ่งด้วย) แต่คงไม่ใช่เส้นทางหลัก
แต่หันกลับไปตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีคนตอบ ชักลังเลว่าหรือเพื่อนจะเดินต่อ หรือมันจะย้อนกลับไปแล้ว
เลยคุยกันว่าเรียกอีกครั้งไม่ตอบเนี่ย จะเดินต่อแล้ว ไปดูข้างหน้า เผื่อจะเจอ
ปรากฎว่าเรียกครั้งนี้มีคนตอบกลับ!! เพื่อนเราเอง T_____________T เรียกปุ๊บได้ยินเสียงปั๊บ ตอบกลับมาทันที รวมตัวครบ 4 คน
พอสบายใจแล้วกลับหลังหันเลยถ่ายภาพนี้เป็นที่ระลึกก่อนลงเนินกลับไป
หลังจากนั้น พวกเราคุยกันว่า ตะโกนเรียกไม่ได้ยินเหรอ
ต่างฝ่ายต่างบอกว่าตัวเองก็ตะโกนเรียก ทำไมไม่ได้ยิน… หืออออ O__O
คือมันเล็กมากนะบริเวณนั้น…. นิดเดียวเอง ไมไ่ด้ใหญ่เลย ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียง พวกเราก็ไม่ใช่คนเสียงเบามากมาย แถมพอเรียกเท่าไหร่ไม่ได้ยินก็เริ่มตะโกนเลยด้วย
อีกฝ่ายบอกว่า ได้ยินเสียงพวกเรา แค่ครั้งสุดท้ายที่ตอบกลับนั่นแหละ ก่อนหน้านั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย!?
พยายามคิดความเป็นไปได้หลายๆ อย่าง ว่าไม่แน่ ศาลเจ้าหินพวกนี้อาจจะเป็นหินทึบมาก จนทำให้เสียงทะลุมาไม่ได้ แต่มันไม่ได้สูงมากไง ประมาณหัวเรา… ถ้าตะโกนก็ควรจะข้ามไปได้สิ ทำม๊ายยยยยยย….. (((((( ;゚Д゚)))))
เดินเลยจากตรงนั้นออกมาหน่อย มีคุณตาคุณยายเดินกันสองคนผ่านกลุ่มเราไป
คุณตาบอกคุณยายว่า… เนี่ย เขาว่ากันว่า ถ้าทำตัวไม่ดี ท่านอินาริจะพาตัวไปซ่อนด้วยนะ
โอจี้ซางงงงงงงงงง OTL
หนูอุตส่าห์พยายามลืมๆ มันไปแล้วนะค๊าาาาาาาาาา
เป็นอีกเหตุการณ์ประจำทริปที่คงไม่ลืมไปอีกนาน
เรา(และเพื่อนๆ ตรงนี้)เป็นพวกไม่ค่อยเชื่อเรื่องลึกลับที่อธิบายไม่ได้…
พอผ่านออกมาจากตรงนั้นก็เฉยๆ ไม่ได้อะไร ยังเดินบนเขาไป ร้อง The Fox กันไปอยู่เลย (ฮา)
แต่ยอมรับว่าตอนอยู่ในหมู่ศาลเจ้า หันไปอีกทีเพื่อนหายนั่นเริ่มระแวงละ พอเรียกเท่าไหร่ไม่ตอบกลัวเลย… มาขนลุกตอนคุยกันทีหลังพบว่าต่างฝ่ายต่างไม่ได้ยินเสียงเนี่ยแหละ
แต่ท่องเที่ยวมันต้องแบบนี้แหละถึงจะสนุก!! ไปถ่ายรูปแล้วกลับมันจะสนุกอะไร มีเรื่องเล่ามาเม้าท์ได้ที่ไหน
นี่ถ้าตอนนั้นเดินวนๆ ไม่เจอเพื่อนคนแรก จะหลงไปถึงตำหนักอุก้าซามะไหม…. ก็ดีนะ ขอหนูเล่นเกมด้วย
มาต่อกันที่ภาพต่อไป
ฉากอุก้าซามะเถียงกับคุณพี่ชายค่ะ
ตอนดูเรารู้สึกคุ้นฉากมากกกกกกก… พอไล่รูปดูก็บิงโก เจอ เป๊ะเลย!
แต่ถ่ายมาคนละมุมกัน
อนิเมเก็บงานเนี๊ยบจัง ไปส่องรูปใหญ่ ตัวหนังสือที่เขียนๆ ถอดแบบมาครบถ้วน
อีกหนึ่งฉากที่เห็นปุ๊บ จำได้ปั๊บ ค้นรูปเจอทันที
เพราะเราถ่ายรูปนี้ด้วยเหตุผลว่า จิ้งจอกพ่นน้ำท่าตลกมาก 555555555
แล้วเล็งถ่ายอยู่หลายมุมเพื่อให้มันดูตลกที่สุด (ขอโทษค่ะ) เลยจำได้แม่นทีเดียว
ภาพนี้ไม่แน่ใจ เพราะมันมีจุดคล้ายๆ แบบนี้เยอะ
แถมมุมในเรื่องเป็นภาพจากข้างล่างขึ้นมา ของเราเป็นถ่ายจากบนลงล่าง
จริงๆ มีอีกหลายฉาก แต่คุ้ยภาพที่กดมาแบบไม่ยั้งจนตาลาย มึนโทริอิไปแล้ว
ดูแค่นี้พอเป็นกระษัย เผื่อใครอยากไปแสวงบุญ(ฮา) อย่าลืมแคปสกรีนแล้วไปถ่ายมาให้มุมเดียวกันล่ะ
ได้ข้อคิดอีกอย่าง อินาริเดินอึกมากกกกก… แต่ละรูปที่แคปมาไม่ใช่ด้านล่างๆ เลย อีกนิดเดียวก็ยอดเขาแล้วนะนั่น
แล้วคุณเธอเดินไปเดินเล่นเป็นประจำ โอ้ววว… สุขภาพแข็งแรงค่ะ 55555
สรุป Fushimi Inari Jinja
★ เหนื่อย
★ แอบน่ากลัว หลงทางง่ายมาก วกวน และอยู่บนเขา
★ ไม่ได้สวยขนาดนั้น ถ้าดูแต่ละจุดไป แต่ด้วยอากาศ บรรยากาศ ภาพรวม ทำให้เดินแล้วรู้สึกสงบดี
★ เราไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ใบไม้แดงกำลังสวย แต่เช็ครายวัน รายสัปดาห์เหมือนกัน เล็งว่าวันนี้จะที่ไหน เขาจะมีพยากรณ์ให้ดูเลยว่าวันนี้ใบไม้แดงที่ไหนกำลังสวย ที่ไหนร่วงแล้ว ที่ไหนยังไม่แดง สามารถเช็คได้ในเน็ต หรือพอไปถึงที่นู่นแล้วจะมีติดบอร์ดไว้ตามสถานีรถไฟด้วย เช็คได้หลายเว็ป ตัวอย่างเช่น http://kouyou.nihon-kankou.or.jp/migoro/migoro.php เป็นต้น
★ เขานิยมไปชมโคโย(ใบไม้เปลี่ยนสี)กัน ไม่แน่ใจว่าฤดูอื่นจะเป็นยังไง
★ เราวนอีท่าไหนก็ไม่รู้ ตอนขาลง ยิ่งลงโทริอิยิ่งน้อยลง ไปๆ มาๆ ไปโผล่อยู่ในเขตชุมชนข้างๆ ตัววัด พร้อมๆ กับคนญี่ปุ่นที่หลงทางมาเหมือนกัน พอเราไปถามทางร้านค้าตรงนั้น ร้านตอบทันที คงมีคนหลงมาบ่อย จริงๆ มันกันเลยนั่นแหละ แต่มีรั้วกั้นอยู่เลยมองไม่เห็นตัวศาล อีตาลุงญี่ปุ่นข้างหลัง มาแอบฟังแล้วเดินตามซะงั้น ลุงคะ เหตุไฉนให้กะเหรี่ยงถามทาง ทำไมลุงไม่ถามมมมม ( ◢д◣)
★ อาหารอร่อยดี ทั้งร้านอาหารที่แวะ และร้านซอฟต์ครีม (แพงกว่าข้างล่างร้อยเยน แต่มีรสคินาโกะ)
★ นักท่องเที่ยวกระจุกตัวกันหนาแน่นบริเวณโทริอิถี่ๆ ตรงทางขึ้น พอพ้นจุดนั้นไปคนน้อยลงเรื่อยๆ
★ ไปอีกไหม—ไปได้ แต่ไม่ได้ดิ้นรนจะไป