Kioku Shoten Utakata-dou no Tantan : รวมเรื่องสั้นของร้านหนังสือความทรงจำอุตะคาตะโด

No photo description available.

หนึ่งใน 3 เล่มจากอ.โนมุระที่ออกมาเกือบพร้อมกัน แต่เล่มนี้ไปออกกับอีกสนพ. ไม่มีภาพประกอบ ไม่มีภาพการ์ตูนน่ารัก เป็นนิยายที่ไม่ใช่ไลท์โนเวล รวมเรื่องสั้นๆ ของลูกค้า Utakata-Dou ร้านรับซื้อ-ขายความทรงจำของเด็กหนุ่มหน้าสวยผู้มีผมดำขลับ ดวงตาข้างหนึ่งสีเงิน อีกข้างสีทอง อุทสึสึโนะ อิจิยะ

อิจิยะจะบอกว่าความทรงจำเปรียบเหมือนหนังสือที่บันทึกเรื่องราวของคนแต่ละคนเอาไว้ และเขาสามารถดึงหนังสือเล่มนั้นออกมาได้ เขียนใหม่ได้ ลบได้ เปลี่ยนแปลงได้

อิจิยะสามารถดึงความทรงจำออกจากคน แล้วใส่มันเข้าไปในตัวคนอื่น ทั้งยังปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ ได้อีกด้วย เมื่อถูกลบความทรงจำคนจะลืมเรื่องนั้นไป แต่หากลบมากเกินไปจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ และเมื่อลบหายจนหมดก็จะมีผลต่อชีวิต ส่วนคนที่ใส่ความทรงจำเข้าไปก็จะรับรู้เหมือนผ่านประสบการณ์นั้นมาด้วยตัวเอง

ลูกค้าของอิจิยะมีหลากหลาย เขาจะเตือนทุกคนก่อนลงมือทุกครั้งถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่หากลูกค้ายังยืนยันที่จะให้ลงมือเขาก็ทำโดยไม่ปฏิเสธเช่นกัน แม้ผลนั้นจะส่งผลต่อชีวิตของคนมากกว่าหนึ่งคนก็ตาม

ค่าตอบแทนที่อิจิยะรับมีสองอย่างคือ เงิน หรือความทรงจำของผู้ว่าจ้าง

สำนวนในหนังสือต่างจากไลท์โนเวลมาก แต่ตัวพระเอกเหมือนตัวแทนแห่งความจูนิเบียว ตาสองข้างคนละสี เสกหนังสือออกมาร่ายคาถาประหลาดๆ ใช้พลังพิเศษได้ (ฮา)

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องสั้นที่ไม่ค่อยเกี่ยวกันและไม่ได้เรียงตามลำดับเวลาเป๊ะๆ
แต่ก็พอจะเห็นลำดับได้อยู่ว่าเรื่องไหนเกิดก่อนเกิดหลัง
และเห็นความเป็นมนุษย์ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในตัวอุทสึสึโนะ อิจิยะ

เดิมเขาเป็นคนที่แทบไม่มีความทรงจำอะไรนอกจากเรื่องที่ต้องใช้เมื่อมีชีวิตต่อไป
เพราะไม่มีความทรงจำจึงไม่มีอารมณ์ความรู้สึก
เขาไม่ทำอะไรตามอารมณ์หรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทั้งสิ้น

แต่เมื่อได้พบกับลูกค้าหลากหลายคนที่มีปัญหาชีวิตต่างกันออกไปมาขอความช่วยเหลือจากเขา หัวใจของอิจิยะก็ค่อยๆ เปิด อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นในตัวของเขา

เรื่องสั้นๆ อ่านเพลินทุกเรื่อง มีหลากหลายแนวตั้งแต่อึมครึม น้ำเน่า ไปจนถึงฮาร์ทฟูลอบอุ่นหัวใจ รู้ตัวอีกทีจบซะแล้ว เป็นอีกเรื่องที่อยากให้เข้าไทยจังเลย สำนักพิมพ์ไหนผ่านมาเป็นบล็อกนี้แล้วสนใจซื้อลิขสิทธิ์ทีค่ะ ถ้าติดต่อมาให้แปลด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง

★☆★☆สปอยด์ที่หน้า 2★☆★☆

Musubu to Hon ‘Gekashisu’ :มุสุบุกับเหล่าหนังสือ “ห้องผ่าตัด”

เอโนคิ มุสุบุ เด็กหนุ่มหน้าใส่แว่นหน้าจืดที่มีความลับอย่างหนึ่งคือได้ยินเสียงและพูดคุยกับหนังสือได้ แถมยังมีคนรักสุดขึ้หึงเป็นหนังสืออีกต่างหาก

เล่มแรกของนี้ออกแนวอินโทรแนะนำให้รู้จักตัวละคร และรู้นิสัยของมุสุบุว่าถึงจะเห็นเป็นคนติ๋มๆ ขี้กลัว แต่จริงๆ แล้วเป็นคนยึดมั่นใจความคิดของตัวเองและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อช่วยหนังสือรวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับมัน

ไม่แน่ใจว่าเล่มต่อไปจะเหมือนเดิมไหม แต่ในเล่มนี้ประกอบด้วยตอนสั้นๆ หลายตอนหลากหลายอารมณ์ ตั้งแต่ซาบซึ้ง จิตๆ ติดตลก ไปจนถึงรักน้ำเน่า ซึ่งอ่านได้ไม่เบื่อ แต่ก็แอบผิดหวังนิดหน่อยกับงานที่ห่างหายไป 3-4 ปีของอาจารย์โนมุระ จนแอบหวังว่าเล่มต่อไปจะเข้าเรื่องหลักบ้าง ไม่ใช่รวมเรื่องสั้นแบบนี้ ขอเถอะค่ะะะะะ

เรื่องที่กลายมาเป็นชื่อเล่มคือ Gekashitsu (ห้องผ่าตัด) ของ Izumi Kyoka เนื้อเรื่องของ “ห้องผ่าตัด” คือมีหญิงสาวสูงศักดิ์ (แน่นอนว่าแต่งงานแล้ว) คนหนึ่งต้องผ่าตัดแต่ปฏิเสธรับยาสลบเพราะกลัวจะเผลอละเมอพูดความลับออกมา ความลับนั้นคือการที่ตนแอบหลงรักหมอซึ่งผ่าตัดให้ในครั้งนี้ตั้งแต่เดินสวนกันเมื่อ 9 ปีก่อน หญิงสาวคว้ามือหมอที่ถือมีดผ่าตัดแทงอกตัวเองพร้อมพูดว่าคุณไม่รู้จักฉันหรอก แต่หมอผ่าตัดกลับตอบไปว่า “จะไม่มีวันลืม” หญิงสาวเสียชีวิตในห้องผ่าตัด ส่วนหมอที่ผ่านตัดก็เสียชีวิตตามในวันเดียวกัน… เนื้อเรื่องมันก็แอบข้างหลังภาพหน่อยๆ แต่กุโร่ยมากกว่า หญิงสูงศักดิ์กับนักศึกษา ความรักไม่สมหวังจนวันตาย

หนังสือหนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง “ห้องผ่าตัด” เป็นบุคลิกของหญิงสาวสูงศักดิ์ หลงรักนักศึกษาชายคนหนึ่งที่ยืมเธอกลับบ้านไปอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าแถมยังกอดแนบแน่น พาขึ้นเตียงนอนเป็นเวลาหนึ่งปี แต่แท้จริงแล้วนักศึกษาชายไม่ได้หลงรักหนังสือ เขาหลงรักบรรณารักษ์สาวที่เคยอ่านเรื่อง “ห้องผ่าตัด” ในห้องสมุดแห่งนั้นเมื่อสมัยเขายังเป็นเด็กประถม และสัญญากับเธอว่าเมื่อโตขึ้นจนเข้าใจเรื่องราวได้จะอ่านเรื่องนี้อีกครั้ง บรรณารักษ์สาวยังคงทำงานอยู่ในห้องสมุดที่เดิม นักศึกษาชายจึงมายืมหนังสือเล่มนั้นที่เธอเคยอ่านจากห้องสมุดที่เธอทำงานกลับไปที่บ้านทุกสัปดาห์…

(สปอยด์)
บรรณารักษ์สาวมีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงาน แต่มุสุบุก็ยังพยายามบอกให้นักศึกษาชายบอกรักเธอจะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาอีก เขาตัดสินใจจัดงานร่วมกันอ่านหนังสือเรื่อง “ห้องผ่าตัด” (ญี่ปุ่นมีงานอะไรแบบนี้ คือเอาหนังสือมาอ่านคนละหน้าสองหน้าจนครบแล้วมานั่งวิเคราะห์เรื่องด้วยกัน) และชวนทั้งคู่มาร่วมงาน จึงได้รู้ว่าบรรณารักษ์เองก็จำเด็กประถมที่ตนเคยคุยด้วยคนนั้นได้แถมยังหลงรักเขาอีกด้วย แต่พยายามเมินความรู้สึกนั้นของตนเพราะคิดว่าเป็นไปไม่ได้…นักศึกษาชายได้อารมณ์พาไป จากสารภาพรักกลายเป็นขอเธอแต่งงานเสียนี่

มุสุบุรับบทหนักในการตัดสินใจทุกครั้ง เขาอยากช่วยเหลือหนังสือ แต่ก็อดห่วงความรู้สึกของผู้คนไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไม่ว่ามุสุบุจะตัดสินใจทำอะไรย่อมมีคนหรือหนังสือที่ได้ผลกระทบ ความรักของทั้งคู่สมหวังหนังสือเรื่อง “ห้องผ่าตัด” ก็ต้องอกหัก และคู่หมั้นของบรรณารักษ์ต้องเสียใจอย่างแน่นอน ถ้าเลือกชีวิตปัจจุบันความรักของทั้งคู่ก็จะไม่มีวันสมหวัง และบรรณารักษ์ก็คงไม่มีวันยอมสารภาพว่าตนหลงรักนักศึกษาที่อายุน้อยกว่าเกือบสิบปี

คอนเซ็ปต์(?) ของเรื่องคือความทรงจำ ความคิด และความรู้สึกของหนังสือซึ่งไร้ที่พึ่งพิงอื่นนอกจากมุสุบุซึ่งเป็นมนุษย์คนเดียวที่ฟังคำพูดของพวกเขาออก มุสุบุที่ทุ่มเทช่วยเหลือพวกเขาแต่ต้องคอยเป็นห่วงความรู้สึกของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเหล่านั้นด้วย

เนื้อเรื่องเกิดที่โรงเรียนเซโจกาคุอิน หรือโรงเรียนเดียวกับเรื่องบุงกะคุโชโจนั่นแหละ ฮิเมคุระ ฮารุโตะคือลูกชายคนโตของฮิเมคุระ มากิซึ่งปัจจุบันเป็นผ.อ.โรงเรียนแล้ว พ่อของฮารุโตะคือริวโตะ น้องชายของโทโอโกะเซ็มไป แต่ว่าทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน มากิแต่งงานกับคนอื่น มีลูกด้วยกันแต่ตอนหลังสามีตาย ส่วนริวโตะก็แต่งงานกับคนอื่นและมีลูกแฝดอีกสองคน ฮารุโตะสนิทกับทั้งสองบ้านรวมถึงโทโอโกะเป็นอย่างดี ทั้งยังรู้ความลับของโทโอโกะอีกด้วย

มีความเชื่อมโยงระหว่างสองเรื่องให้แฟนๆ ได้กรี๊ดกร๊าดนิดๆ หน่อยๆ แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งอดคิดไม่ได้ว่าแล้วถ้าคนคุยกับหนังสือได้เจอกับคนกินหนังสือจะเป็นยังไง… มุสุบุจะต้องฟังเสียงหนังสือกรีดร้องตอนค่อยๆ โดนฉีกแล้วเคี้ยวทีละนิดแบบนี้เหรอ คิดแล้วรู้สึกโหดกว่าไททันอีก จะดีเหรอคะ… แต่ถ้าสองคนไม่ได้เจอกันเลยก็รู้สึกเสียดายอีกที่อุตส่าห์เขียนให้เนื้อเรื่องต่อกันมาตั้งขนาดนี้

อาจารย์โนมุระวางปมเอาไว้เพียบ… โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับโยนากะฮิเมะ คน(หนังสือ)รักของมุสุบุ กับเรื่องการพบกันของมุสุบุกับฮารุโตะ หวังว่าเล่มสองจะเข้าเรื่องหลักมากกว่านี้ และหวังว่าจะไม่โดนตัดจบเหมือนคิวเค็ทสึกิ (สาธุ)

แต่ถ้าถามว่าเล่มนี้เป็นยังไงก็แอบลำบากใจที่จะตอบว่าสู้ซีรีย์ที่ผ่านๆ มาไม่ได้เลย ขอลุ้นให้เล่มต่อไปเข้าประเด็นอะไรบ้างเถอะ…

ใครที่ยังลังเลว่าจะอ่านเรื่องนี้ดีไหมลองไปฟังบทแรก (ปิ๊ปปี้ถุงเท้ายาว) ได้ที่ https://soundcloud.com/kimirano/sets/l64kw60t5bas เป็นช่องของ official ที่อ่านบทแรกทั้งบทให้ฟังแบบฟรีๆ!!

Nisemono Fuufu no Kouchaten : ร้านน้ำชาของสามีภรรยากำมะลอ

~เพราะในโลกนี้มีความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ~

นิยายยาว 2 เล่มของ Kobe Haruma ซึ่งเป็นนักเขียนที่เราไม่เคยอ่านผลงานอื่นมาก่อนเลย

ไม่แน่ใจว่าจบหรือยังแต่ไม่มีข่าวว่าจะออกภาคต่อ และไม่เคยเห็นว่ามีแปลไทย
เนื้อเรื่องก็ไม่ได้โดดเด่นมากมายสักเท่าไหร่ แต่เราอ่านแล้วประทับใจเป็นการส่วนตัวจึงอยากเอามาแนะนำกัน หวังว่าจะมีสำนักพิมพ์ไหนสนใจนำไปแปลขายในไทย หรือใครอยากฝึกอ่านภาษาญี่ปุ่นเรื่องนี้ก็ภาษาอ่านง่ายเหมาะแก่การฝึกฝนค่ะ

อายาเมะ เด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว และมีแม่ที่คบๆ เลิกๆ กับผู้ชายที่มีจุดร่วมเหมือนกันคือไม่ได้เรื่องได้ราวเลยสักคน เธอจึงมุ่งมั่นว่าจะต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองและออกจากบ้านไปอยู่คนเดียวให้ได้ เมื่อจบม.ปลายอายาเมะไม่ต่อมหาวิทยาลัยแต่ไปเรียนเป็นช่างเสริมสวยเพื่อจะได้เริ่มต้นทำงานเร็วที่สุด ก่อนเรียนจบเธอไปฝึกงานที่ร้านตัดผมแห่งหนึ่ง อัตสึฮิสะเจ้าของร้านเกิดเห็นแววจึงชวนมาทำงานด้วย หลังทำไปได้ไม่นานก็มาชวนอายาเมะไปอยู่ด้วยกัน

อายาเมะที่อยากออกจากบ้านอยู่แล้วตกลงรับคำชวน ความสัมพันธ์ไม่ได้ดีนักเพราะอายาเมะฝึกฝนอย่างหนักจนดึกดื่นทุกวัน ส่วนอัตสึฮิสะก็เป็นผู้ชายที่พูดสวยๆ ว่ามีความเป็นผู้นำ หรือพูดตรงๆ ว่าบ้าอำนาจ

วันหนึ่งอายาเมะเหนื่อยจากการทำงานจึงไม่อยู่ร้านจนดึกเหมือนทุกวัน แต่เมื่อกลับถึงบ้านกลับเจออัตสึฮิสะอยู่กับลูกค้าสาวคนหนึ่ง พอแสดงท่าทีไม่พอใจกลับโดนหงุดหงิดใส่แทนว่า “ถ้าไม่พอใจก็ออกไป” อายาเมะจึงไม่รอช้าเก็บของใส่กระเป๋าออกจากบ้านมาโดนทันที

เธอลากกระเป๋าไปขึ้นรถไฟ นั่งไปเรื่อยๆ ถึงสถานีทาเทยามะ จังหวัดจิบะ หยิบโทรศัพท์มามองแผนที่แล้วตั้งใจจะเดินตามถนนสายดอกไม้ (ฟลาวเวอร์ไลน์) จากสถานีไปจนถึงสุดทางแหลมโบโซ แต่เดินไปได้หน่อยก็เกิดเหนื่อยล้าจึงนั่งลงพักที่ริมชายหาด อายาเมะหยิบมือถือขึ้นมาเห็นข้อความเข้ามามากมาย แต่ก็ตัดสินใจไม่เปิดอ่านแล้วโยนมือถือทิ้งลงทะเล

พอนั่งเหม่ออยู่ริมทะเลได้สักพักมีชายสวมแว่นขี่สกูตเตอร์ผ่านมาถามเธอว่า “จะฆ่าตัวตายเหรอ” เมื่อคุยไปคุยมาจึงได้ความว่าเป็นเจ้าของร้านน้ำชาริมทะเล อายาเมะเพิ่งรู้ตัวว่าหิวจัดจึงขอตามเขาไปที่ร้าน พอไปถึงร้านน้ำชาซึ่งดัดแปลงมาจากบ้านไม้โบราณจึงรู้ว่าร้านยังไม่เปิดแต่ชูจิ เจ้าของร้านปากเสียก็ยอมให้เธอเข้าไปและทำแซนด์วิชกับชงชาให้เธอ

ระหว่างนั่งกินอยู่นั้นเอง เกิดมีเสียงอึกทึกมาจากด้านใน ชูจิหายเข้าไปในบ้านพักใหญ่จนอายาเมะกังวลและเดินตามเข้าไปดู ภาพที่เธอเห็นคือเครื่องซักผ้าพ่นฟองกับเครื่องดูดฝุ่นชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ชูจิบ่นอุบอิบว่าไม่รู้ทำไมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเขาถึงไม่ได้เรื่องสักอย่าง อายาเมะมองไปรอบๆ ทั้งบ้านและร้านแล้วถามถึงวันเวลาเปิดร้าน เธอตกใจเมื่อชูจิบอกว่าอีก 5 วันหลังจากนี้ เพราะยังไม่มีอะไรที่ดูพร้อมเลยแม้แต่อย่างเดียว

อายาเมะไร้ที่ไป ประกอบกับเป็นห่วงชูจิกับร้านจึงอาสาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ และช่วยเตรียมพร้อมเปิดร้านในอีก 5 วันถัดไป โดยขอแลกกับที่พักและอาหาร เวลา 5 วันที่ทั้งคู่ช่วยกันเตรียมเปิดร้านทำให้เพื่อนบ้านเข้าใจว่าอายาเมะเป็นภรรยาของชูจิ แต่ด้วยความยุ่งวุ่นวายทำให้ทั้งสองคนไม่ใส่ใจมัน

อายาเมะเกิดชอบชีวิตร่วมกับชูจิที่ร้านน้ำชา “นากิสะ” ส่วนชูจิแม้พูดจาไม่ค่อยรักษาน้ำใจแต่สุดท้ายก็เป็นคนเอ่ยปากชวนให้อายาเมะอยู่ต่อหลังเปิดร้าน โดยทั้งสองได้ทำข้อตกลงร่วมกัน 4 ข้อ
1. ห้ามไม่ให้คนนอกรู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่สามี-ภรรยากัน
2. ห้ามเข้าห้องส่วนตัวของอีกฝ่าย
3. ห้ามตัดสินใจทำอะไรที่ส่งผลต่อร้านหรือส่วนกลางโดยพลการ
4. ทั้งสองฝ่ายสามารถยุติความสัมพันธ์นี้ได้ทุกเมื่อโดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอม

ทั้งหมดนี้คืออินโทร ส่วนเนื้อสองเล่มจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกค้าที่ร้าน เพื่อนบ้าน ครอบครัวและเพื่อนฝูงของทั้งคู่

เนื้อเรื่องจัดว่าธรรมดาไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่เราชอบสำนวนคนเขียนที่เขียนอ่านลื่นและไม่ยืดเยื้อเกินไป และชอบความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่ตอนท้ายที่สุดต่างพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็น “ครอบครัว” โดยที่ยังคงรักษากฎที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก

ทั้งสองคนทะเลาะกันเป็นประจำเพราะไม่มีฝ่ายไหนของคอย “ลงให้” อีกฝ่าย แต่ต่างพูดความคิดของตัวเองจนกว่าจะได้ข้อสรุปร่วมกัน

ตอนอายาเมะประสบอุบัติเหตุชูจิทิ้งทุกอย่างไปโรงพยาบาลทันทีที่รู้ข่าว

ตอนชูจิล้มป่วยอายาเมะก็พาไปโรงพบาบาลทันทีและช่วยดูแลจนหาย

คนสองคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ แบ่งงานกันทำตามความถนัดได้ เป็นห่วงเป็นใยกันได้โดยเคารพซึ่งกันและกัน และไม่ล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย

มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกแต่ก็อบอุ่นหัวใจจนไม่แปลกใจที่เพื่อนบ้านและลูกค้าของร้านมองพวกเขาเป็นสามีภรรยาที่รักกันดี

ชูจิบอกว่า “Tea Room” หมายถึงห้องพักที่ช่วยความเหนื่อยล้าจากการงาน

ชูจิหนีจากชีวิตที่โดนครอบครัววางแผนไว้ทุกกระเบียดนิ้ว และตัวเองที่ไม่มีความคิดความตั้งใจอะไรเป็นของตัวเองเลยมาแบบไร้จุดหมายแล้วหยุดที่ทาเทยามะ หลังจากนั้นจึงมองหาทำเลเพื่อหนีจากบ้านมาเปิดร้านน้ำชาของตัวเอง

ส่วนอายาเมะหนีจากชีวิตที่โดนแฟนนอกใจและตัวเธอที่เคยเป็นฝ่ายยอมให้อีกฝ่ายตลอดมาที่ทาเทยามะและได้เจอกับชูจิกับร้านนากิสะ

ร้านนากิสะจึงเป็น “Tea Room” สำหรับทั้งคู่ และทั้งคู่ก็หวังจะให้ร้านเป็นที่พักของผู้ที่แวะเวียนมาหา

ในเล่มแรกความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงดูเป็นสิ่งชั่วคราว เหมือนมาพักเพียงชั่วคราวเพื่อจะกลับไปดำเนินชีวิตจริงต่อ จนกระทั่งท้ายเล่มแรกต่อเล่มสอง ที่มีการลงลึกถึงสาเหตุที่ทั้งคู่หนีมา และการตัดสินใจเลือก “นากิสะ” ในปัจจุบันมากกว่ากลับไปเดินตามเส้นทางในอดีตของตัวเอง

อ่านจนจบเล่มสอง อายาเมะรู้ตัวว่าชอบชูจิแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะยังพอใจกับความสัมพันธ์ปัจจุบัน ส่วนชูจิเหมือนยังไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองคืออะไรแต่เขาก็บอกครอบครัวตัวเองว่าอายาเมะเป็นภรรยาที่เขาเลือกเอง และเอ่ยปากขอให้อายาเมะอยู่ที่นากิสะต่อ ทั้งยังเสนอให้ลบกฎข้อที่ 4 ออกเพราะกลัวอายาเมะจะหายไปเฉยๆ อีกด้วย

สองเล่มนี้เรื่องทั้งหมดเล่าจากมุมมองของอายาเมะ อยากจะให้ออกภาคต่ออีกสักเล่มแล้วเล่าเรื่องผ่านมุมมองของชูจิบ้างจังเลย…ทุกคนที่ผ่านมาอ่านบล็อกเราแล้วเกิดสนใจช่วยกันซื้อมาอ่านทีนะคะ เผื่อยอดขายขึ้นสักหน่อยสำนักพิมพ์จะใจดีให้เขียนภาคต่อได้

เราประทับใจความสัมพันธ์ไม่มีชื่อนี้ของอายาเมะกับชูจิมากๆ อ่านแล้วแอบฝันนิดๆ ว่าอยากจะมีสถานที่ที่เป็น Tea Room แบบถาวรของตัวเองบ้างจัง ^^